Page 159 - เมืองลับแล(ง)
P. 159

ิ
                                                                       ่
               ต่อที่กรุงเทพมหานคร ก็อยู่สำนักเดียวกัน กลับขึ้นมาอุตรดตถ์แล้วตางคนก็มีตำแหน่งหน้าท บำเพ็ญศาสนกิจ
                                                                                           ี่
               เมื่อพบกันแต่ละครั้งก็ปรึกษาหารือกันแต่เรื่องงานการของพระศาสนาอยู่เป็นนิจ ข้าพเจ้าสนใจ และส่งเสริม
                                ิ
                                                                                                     ึ
               การศึกษาภาคปฏิบัตทางวินัยกรรมคอการอยู่ปริวาสกรรม และการถือธุดงค์บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน จงแบ่ง
                                             ื
               เวลาว่างภาระกิจการงานทางวัดงิ้วงามไปเยี่ยมงานปริวาสกรรมที่วัดดอนสัก อยู่ร่วมกับคณะปกตัตตาจารย์
               แทบทุกปี คณปริวาสิกที่มาจากต่างจังหวัด ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันบ้างและแปลกหน้ามาใหม่บ้าง อยากรู้ประวัต ิ
               เมืองลับแลกันทุกรูป นิมนต์ให้ข้าพเจ้าเล่าเรื่องประวัติเมืองลับแล ให้ที่ประชุมของคณะพระอยู่ปริวาสกรรมฟัง

               ทุกปี

                       ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงพยายามค้นคว้าหาหลักฐานกับหนังสือพงศาวดารภาคพายัพ สืบถามประวัต ิ
                                                                                                        ้
               เมืองลับแลกับผู้เฒ่าผู้แก่และหนังสือประวัติพระนครนาคพันธ์สิงหนวัติโยนกชัยบุรีศรีเชียงแสน ซึ่งเป็นตน
               ตระกูลของชาวลับแล ประชาชนชาวเมืองเชียงแสนได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในหุบเขาลับแล ตั้งแต่สมัยอาณาจกร
                                                                                                       ั
               โยนกเป็นเวลาผ่านมาช้านาน อาจขาดตกบกพร่องต้องขออภัยแก่บรรดาท่านผู้อ่านด้วย



               เรื่องที่ ๓  ปฐมเหตุแห่งหุบเขาลับแล

                       ตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ ลับแลเป็นป่าลึกดงใหญ่เสือหมีผีป่าดุร้ายชุกชุมมาก เต็มไปด้วยภัยร้ายนานนา

               ชนิดบรรยากาศเยือกเย็น มีหิมะตกคลุมทุกฤดูกาล แวดล้อมไปด้วยขุนเขาลำเนาไพร ชื่อเดิมว่า “ลับแลง”

               หมายความว่า ลับตอนเย็น คือตอนเย็น ๆ แสงตะวันจะลับม่อนฤๅษี เพราะเป็นภูเขาสูงมาก อีกนัยหนึ่งคน
               โบราณยึดมั่นว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับนั่งที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ แล้วก็เสด็จยืนที่วัดพระยืนพุทธ

               บาทยุคล ทอดพระเนตรดูไปทางลับแล มองไม่เห็นอะไรเลย มืดมัวไปด้วยเมฆหมอก จึงได้ชื่อว่า “ลับแล”

               หมายความว่า แลไปลับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด  พระพุทธองค์ก็ทอดพระเนตรไปทางบางโพก็เห็นแต่ต้นโพธิ์ และใบ

               โพธิ์บัง จึงได้ชื่อว่า “บางโพ”
                                                                                                    ้
                                                  ั
                       พวกพรานเนื้อ ผู้ที่กล้าหาญชาญชย มีชื่อดังทางการล่าสัตว์ตัดชีวิตเข้าไปในเขตลับแลเป็นอันตองตาย
               ทุกราย คือพวกผีกะกระโล่ง ผีโพงค่าง ผีกองกอย ผีสางนางไม้ ผีเจ้าป่าเจ้าดง จะต้องจำแรงแปลงเพศ เป็นสาว
               งามออกมาเกี้ยวพาราสีกับนายพราน หรือผู้ที่เดินทางเข้าดงลบแล บางครั้งนิมิตให้เห็นเป็นบ้านเป็นเมือง เรียง
                                                                 ั
               กันเป็นถ้องเป็นแถว อย่างสวยงามมีแต่สุภาพสตรีล้วน พวกหนุ่ม ๆ เห็นเข้าก็หลงกลมายาของนางผีสาวงามตก

               เป็นอาหารผีป่าหมด  มีนิยายปรัมปราลือชื่อ เล่าต่อ ๆ กันมา ว่า กาลครั้งหนึ่งมีพวกชายหนุ่มชาวพระนคร
               กัมโพช (ทุ่งยั้ง) จำนวน ๓ คน ชวนกันออกบ้านไปเที่ยวล่าสัตว์ตัดฟืน เดินทางแกะรอยสัตว์เพลินไปจนหลง

                                                                                            ั
               ทางเข้าไปใกลเขตดงลบแล แดนแห่งผีดุร้าย พวกเจ้าหนุ่มก็เดินด้นดั้นเข้าไปพบเมืองลึกลบมหศจรรย์ นั้นก็คอ
                                                                                                        ื
                                                                                        ั
                                  ั
                           ้
                                                                                                         ้
               นครแห่งแม่หม้ายสาวงามทรงเสน่ห์ วาจาอ่อนหวาน เจ้าหนุ่มโสดเหล่านั้นก็หลงกลมายาของผีสาวงาม แม่เจา
                                                                                                        ี
               ผีอีกองกอยก็จับเอาหนุ่ม ๒ คน เป็นอาหารมื้อค่ำเสียแล้ว คงเหลือแต่พ่อหนุ่มรูปหล่ออยู่คนหนึ่ง เคราะห์ดมี

                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                         หน้า ๙
   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163   164