Page 162 - เมืองลับแล(ง)
P. 162
หน้ามีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ เวลาก็ผ่านมา ๗ ปี เจ้าคำลือ กับเจ้าคำแสนก็ชวนกันกลับขึ้นไปเฝ้า เมื่อ
ตั้งตัวติดขึ้นแล้ว พระเจ้าเรืองธิราชองค์พระมหากษัตริย์พระนครนาคพันธ์สิงหนวัติโยนกชัยบุรีศรีเชียงแสน
รัชกาลที่ ๒๑
์
่
ั
เล่าเรื่องที่ได้พาราษฎรไปก่อร่างสร้างตัวอยู่ในหุบเขาลบแล ถวายองค์พระมหากษัตริย์ พระองคทานก็
ทรงพอพระทัยรับเป็นสาธารณูปถัมภ์ เจ้าคำลือ กับเจ้าคำแสน ก็ได้โอกาสขอรับวัฒนธรรม ประเพณีธรรม
ระเบียบแบบแผนต่าง ๆ และพระพุทธศาสนา ก็ได้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์เมืองเชียงแสน ๖ รูป พร้อมด้วย
คัมภีร์พระไตรปิฎกเอาขึ้นหลังช้างออกเดินทางรอนแรม เดือนกว่า ๆ ก็ได้บรรลุถึงเมืองลับแล
เรื่องที่ ๖ ตั้งวัดเก้าเง้ามูลละศรัทธา
เจ้าแคว้นและเจ้าหลัก ทั้งสองท่าน เป็นผู้นำราษฎรสร้างวัดขึ้นตรงที่โรงเรียนประชาบาล วัดใหม่
ปัจจุบันนี้ชื่อว่า วัดมูล ถ้าจะเรียกให้เต็มความหมายก็เรียกว่า วัดเก้าเง้ามูลศรัทธา ประชาชนชาวเมืองลับแล
ซึ่งเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแตบรรพบุรุษ จึงมีศรัทธาประสาทะเลื่อมใสเอาลูกเอาหลานเข้าบรรพชา
่
อุปสมบท เพื่อให้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือพื้นเมืองภาคพายัพ และศึกษาวิชาความรู้ทางไสยศาสตร์ แพทยศาสตร์
เวทย์ศาสตร์ และวิชาความรู้เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ตามสมควร เมื่อลาสิกขาจากความเป็นสามเณรมีศักดิ์ เรียกว่า
น้อย ลาสิกขาจากความเป็นพระภิกษุมีศักดิ์เรียกว่า หนาน (ทิด) ออกไปประกอบอาชีพอาชีพกสิกรรม ทำนา
ทำไร่ ทำสวน สุภาพบุรุษจะต้องฝึกหัดจักสาน ฟั่นเชือกฟั่นพวน สุภาพสตรีต้องฝึกหัด ทอหูก ปั่นฝ้าย เก็บก้อน
เย็บปัก ถักร้อย บางคนก็มีฝีเมือประณีตบรรจงดีเป็นพิเศษ
อนึ่งเจ้าคำลือมีบุตรสาวชื่อ สุมาลี เจ้าคำแสนมีบุตรสาวชื่อ สุมาลา ทั้งสองสาวมีรูปกายศุภลักษณะ
่
เบญจกัลยาณีอีกทั้งกิริยามารยาทก็งดงาม ศุภวาจาอ่อนหวาน สติปัญญา เฉลียวฉลาดชางคิดประดษฐ ทอหูก
ิ
์
เก็บก้อน เย็บปักถักร้อยใหม่แปลกแหวกแนวขึ้น อย่างสวยสดงดงาม วิจิตรพิสดาร นั้นก็คือ ผ้านุ่ง ซิ่นตีนจก
ซิ่นมุกไหม หน้าหมอนหก หน้าหมอนแปด ถุงกุลา ผ้าห่มหัวเก็บ ผ้าเสื้อติดลูกกระดุมเงิน เจ้าหลักกับเจาแคว้น
้
ทั้งสองท่านก็ชวนกันเอาผลงานของลูกสาว นำขึ้นไปถวายพระเจ้าเรืองธิราช องค์พระมหากษัตริย์พระนครนาค
พันธ์สิงหนวัติโยนกไชยบุรีศรีเชียงแสน พระองค์ได้ทอดพระเนตรของที่นำมาถวายนั้นก็สนพระทัยเป็นพิเศษ
้
เพราะการทอผ้าพื้นเมืองที่เคยใช้มานั้นไม่ประณีตเหมือนที่เจาคำลือ เจ้าคำแสน นำมาถวาย จึงซักถามถึงชางผ ู้
่
ประดิษฐขึ้นใหม่ อย่างสวยสดงดงามวิจิตรพิสดาร เจ้าเมืองลับแลทั้งสองท่านก็ตอบว่า บุตรสาวเป็นผประดษฐ ์
ู้
์
ิ
ขึ้นเอง โดยไม่ได้ไปเรียนจากที่อื่นเลย และก็สอบถามถึงคุณสมบัติอย่างอื่นอีกจนละเอียดถี่ถ้วน ท่านทั้งสองนั้น
ก็ถวายคำตอบตามความเป็นจริงทุกประการ องค์พระมหากษัตริย์มีพระดำริว่าลับแลนั้นก็เป็นเมืองท ี่
เจริญรุ่งเรืองเมืองหนึ่ง สมควรจะมีพระมหากษัตริย์ครองเมือง จึงขอบุตรสาวของเจ้าคำลือและเจ้าคำแสนทั้ง
สองสาวให้กับพระเจ้าฟ้าฮ่ำราชกุมาร ราชโอรส เมื่อตกลงกันแล้วโหรหลวงก็หาฤกษ์งามยามดีได้แล้วก็นัด
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๑๒