Page 165 - เมืองลับแล(ง)
P. 165

้
                                                                                ั
               พระมหาสถูปเจดีย์ดอยตุง อัญเชิญมาสร้างเป็นสถูปเจดีย์ไว้ให้พุทธบริษัทเมืองลบแลไดสักการะบูชาขึ้นทวัดป่า
                                                                                                     ี่
               แก้วเรไร (วัดเจดีย์คีรีวิหาร) นับว่าเป็นปฐมเจดีย์ของเมืองลับแลประมาณอายุพระสถูป ๒,๐๐๐ กว่าปี มีการ
                                                                                                  ี
                                                                                                        ี
               บูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง และประมาณเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔๙ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูธรรมฐตวงษ์ครี
                                                                                                    ิ
               เขต เจ้าคณะแขวง ได้นำญาติโยมบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
                       ข้าพเจ้าอุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ จำพรรษาอยู่วัดทุ่งเอี้ยง ๑ พรรษา ออกพรรษาแล้วก็ย้ายไปอยู่ท ี่
               วัดเจดีย์คีรีวิหารเพื่อปฏิบัติหลวงปู่พระครูธรรมฐีติวงษ์ อุปัชฌาย์ ท่านปู่อาพาธด้วยโรคชราตองหามกันออกไป
                                                                                           ้
               สรงน้ำและป้อนข้าวทุกมื้อ ความอัศจรรย์ก็มีอยู่ว่า ข้าพเจ้าอยู่กุฏิหลังใหญ่อยู่ ๒ รูป กับเพื่อนพระคือพระภิกษุ

               เกี้ยว ในห้องโถงกว้างตั้งเตียงนอนอยู่คนละมุมกุฏิ เวลา ๐๓.๐๐ น. ก็ชวนกันออกไปปัสสาวะ ดูขึ้นไปทางลาน
               พระธาตุก็ได้เห็นแสง สีเขียว สีเหลือง สีแดง สลับกันเหมือนสายรุ้งลุกขึ้นตรงองค์พระธาตุ ข้าพเจ้ากับเพื่อน

               พระก็คิดว่าผีหลอกมีขนหนาวรุกกลัวก็วิ่ง แย่งกันเข้าประตูถึงสองชั้น อกสั่นขวัญหายต้องเลื่อนเตียงนอนเข้า

               ใกล้กัน ถึงกระนั้นก็นอนไม่หลับจนสว่าง ทำกิจวัตรตอนเชา และฉันจังหันแล้วก็ชวนกันไปเลาถวายหลวงปู่ฟัง
                                                               ้
                                                                                           ่
                                                                                           ั
                                          ้
               เมื่อท่านหลวงปู่ทราบก็หัวเราะดวยความดใจ หลวงปู่ก็ถามว่า คุณกลัวหรือ ตอบท่านปู่ว่ากลวจนนอนไม่หลบ
                                                  ี
                                                                                                        ั
                                                                                                      ึ
               เอาจนยันสว่าง ท่านปู่ก็ยิ่งหัวเราะใหญ่ แล้วก็บอกว่านั้นแหละคือปาฏิหาริย์ของพระธาตุ คุณเป็นคนมีบุญจงได ้
                                ่
                      ้
                                       ิ
                                                         ่
                                                                                                     ิ
               เห็น แลวหลวงปู่ก็เลาประวัตของเมืองลับแลตั้งแตต้นจนมาถึงพระเจ้าฟ้าฮ่ำราชกุมารไปอาราธนาอัญเชญเอา
                                                                                                ุ
                                                                                                   ี
                                                              ั
               องค์พระธาตุมาจากวัดพระธาตุดอยตุง อาณาจักรโยนกชยบุรีศรีเชียงแสนมาสร้างเป็นองค์พระธาตเจดย์บรรจ ุ
               ไว้ที่วัดเจดีย์นี้เป็นองค์ปฐมเจดีย์แห่งเมืองลับแล
                       อนึ่งถ้าปีใดฟ้าฝนแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ราษฎรก็เดือนร้อนมีการทำพิธีขอฝนกันหลายอย่าง
                                                        ้
               เทศมหาชาติทางปิ้นบ้าง แห่พระเจ้าไปสรงน้ำแจ (แห่พระพุทธรูปไปสรงน้ำเขาน้ำตก) แห่นางแมว แห่อี่เมฆ
                                                             ่
               เล่นนางกวัก เล่นนางโด้ง เจ้าเมืองก็ต้องจำศลกินเพลแตละครั้งกำหนดเอา ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง คือ พระเจา
                                                                                                        ้
                                                    ี
               ฟ้าฮ่ำราชกุมาร พร้อมกับราษฎรเสด็จไปจำศีลที่ม่อนจำศีล จึงได้ชื่อว่า ม่อนจำศีลมาจนถึงทุกวันนี้


               เรื่องท ๑๐  ช้างมูบในห้วยผามูบข้างต้นศรีอุทุมพร
                     ี่

                                     ั
                       สิ่งลี้ลับของเมืองลบแล ยังอีกอย่างหนึ่งคือ ช้างมูบอยู่ที่ห้วยผามูบ มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่าควานชาง
                                                                                                        ้
               หลวงนำช้างออกจากคอกช้าง ไปปล่อยให้ไปกินหญ้าทางเหนือป่าหัวดง ประมาณ ๓ หรือ ๔ วัน ก็ไปตรวจด ู

                                                                                                    ้
               ช้างสักทีหนึ่ง เมื่อเห็นช้างหากินหญ้าอยู่ตามปกติก็กลับบ้าน ต่อมาวันหนึ่งปรากฏว่าช้างพระทนั่งของเจาเมือง
                                                                                            ี่
               เชือกหนึ่ง แตกฝูงช้างหนีออกจากหมู่ช้างไปแต่ลำพัง ควาญช้างหลวงก็ตกใจมาก กลัวว่าเจ้าเมืองจะลงโทษก็พา
               กันติดตามช้างขึ้นเขาลงห้วย เข้าป่าไม้ดงหนาป่าคาดงกว้าง ขึ้นกองหินผ่านคับช้างเหนือ คือ เป็นชองทางแคบ
                                                                                                ่
                                                                                                        ้
               ๆ ช้างป่าเดินผ่านเข้าไปตรงนั้นตัวช้างก็คับจึงได้ชื่อว่า คับช้าง หมายความว่าช้างจะเข้าจะออกก็ยาก ควานชาง
               ติดตามแกะรอยช้างไปถึงคับช้างก็สังเกตได้ว่าช้างพระที่นั่งเจ้าเมือง ผ่านเข้ามาทางนี้จริง ๆ ควาญช้างก็



                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                        หน้า ๑๕
   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170