Page 178 - เมืองลับแล(ง)
P. 178
ั
ี่
ั
้
่
๓) เมื่อเทียบตามพุทธศักราชทปรากฏในตำนานเมืองลบแลซึ่งพระเจาฟ้าฮ้ามครองเมืองลบแลในชวง
พ.ศ. ๕๑๓ - ๕๒๕ ซึ่งถ้าเทียบศักราชกับกษัตริย์โยนกเชียงแสนในตำนานสิงหนวัติกุมาร ตรงกับกษัตริย์โยนก
ู้
เชียงแสนพระองค์แรกคือ พระยาสิงหนวัติราช ครองราชย์ พ.ศ. ๔๓๑ - ๕๓๒ ส่วนหนานคำลือที่ได้อพยพผคน
ี่
มายังลับแลนั้น พระครูสิมพลีคณานุยุตน่าจะได้นำชื่อนี้มาจากกษัตริย์ในตำนานสิงหนวัติกุมารองคท ๑๗ พระ
์
นามว่า พระองค์ลือ มาเป็นต้นเค้าในการตั้งชอ หนานคำลือ
ื่
๔) ประวัติเมืองลับแล ได้อ้างว่า พระเจ้าฟ้าฮ้ามราชกุมาร เป็นพระมหากษัตริย์ครองเมืองลับแล
ประมาณเมื่อ พ.ศ. ๕๑๓ และ พ.ศ. ๕๑๙ พระเจ้าฟ้าฮ้ามราชกุมารไดไปขอพระบรมสารีริกธาตุจากพระนคร
้
นาคพันธ์สิงหนวัติโยนกชัยบุรีศรีเชียงแสนมาสร้างที่เมืองลับแล พ.ศ. ๕๒๕ พระเจ้าฟ้าฮ่ำราชกุมารได้ทำ
สงครามกับกษัตริย์ขอม ซึ่ง พ.ศ. ๕๑๓ – ๕๒๕ ใน ตำนานสิงหนวัติกุมาร ระบุว่ายังอยู่ในช่วงที่พระยาสิงหนวติ
ราช ปฐมกษัตริย์ได้ครองเมืองอยู่ คือ ครองราชย์ในช่วง พ.ศ. ๔๓๑ – ๕๓๒
ดังนั้น ประวัติเมืองลับแล ที่มีการผูกศักราชขึ้นมานั้นไม่สมเหตุสมผลกับ ตำนานสิงหนวติกุมาร
๕) ตำนานสิงหนวัติกุมาร ดำเนินเรื่องตั้งแตสมัยต้นพุทธกาล เจ้าสิงหนวัติกุมารเป็นโอรสของพระเจา
้
่
เทวกาลแห่งนครไทยเทศ พระยานาคได้แปลงกายเป็นพราหมณ์ได้สร้างเมืองถวายเจ้าสิงหนวัติกุมารได้สร้าง
เมืองกว้างสามพันวาทุกด้าน ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขงตรงกันข้ามกับเมืองสุวรรณโคมคำที่อยู่ฝง
ั่
ตะวันออก จากการสอบชื่อเมือง ๒๑ ชื่อ คล้ายกันไปมา แบ่งเป็น ๔ กลุ่มชื่อ คือ
กลุ่มที่ ๑ มีคำว่า “พันธุ” มีทั้งหมด ๖ คำ คือ
๑. “เมืองนาคพันธุสิงหนวตินคร
๒. “เมืองนาคพันธุสิงหนวติ”
๓. “เมืองนาคพันธุสิงหนวตินคร”
๔.“เมืองพันธุสิงหนตินคร”
๕. “เมืองพันธุสิงหนวตินครราชธานี”
๖. “เวียงพันธุสิงหนวตินคร”
กลุ่มที่ ๒ ใช้ชื่อ “โยนก” แบบลำลอง มีทั้งหมด ๕ คำ คือ
๑. “เมืองโยนกนคร”
๒. “เมืองโยนก”
๓. “เวียงโยนกนคร”
๔. “เมืองโยนกนคร”
๕. “แคว้นเมืองโยนกนคร”
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๒๘