Page 294 - เมืองลับแล(ง)
P. 294

้
               ไปเคาะเอาพญาติลกาล้านนาขึ้นมารบฟันทาวสามพ่อลือไทหั้นแล ท้าวจอมปราและพญาติลกาโชเอารี้พลคน
               ศึกมารอดเมืองหุนเสียแล้ว....” เป็นต้น
                                                                          ิ
                       ๑๒.  เอกสาร หมิงสือลู่ เป็นการประมวลหลักฐานทางประวัตศาสตร์จีน ใน ปาไป่สีฟู่ ปาไป่ต้าเต้ยน
                                                                                                       ี
               เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ ระบุพระนามว่า “ตาวเจาเมิ่งลู่” / “ตาวเจาลู่” ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารท้องถิ่นว่า ทาวเจา
                                                                                                         ้
                                                                                                     ้
               ลก


                       ๑๓. พงศาวดารเมืองน่าน ออกพระนามไว้ดังนี้ “พระยาติโลกเมืองเชียงใหม่” / “พระยาติโลก” /

               “พระเปนเจ้าติโลก” / “ท้าวติโลกเชียงใหม่” / “ท้าวติโลก”


                       ๑๔.  ตำนานพระธาตุลำปางหลวง ระบุถึงพระนามว่า “จุลศักราช ๘๓๘ (พ.ศ. ๒๐๑๙) ...พระยา

                                                                      ่
               ธรรมราชติโลกกะ คือว่า พระยาลกคำ อันเสวิยเมืองปิงเชียงใหม”


                       ๑๕.  ตำนานพื้นเมืองเชียงราย เชียงแสน เชียงใหม่ ฉบับพญาภักดีราชกิจ เชียงราย มีความว่า “สกได  ้

               ๘๐๔ ตัว (พ.ศ. ๑๙๘๕) ท้าวสามประหญาแม่ในไปไว้ในเมืองฝาง ท้าวลกกินเชียงใหม่ แล้วอุสาราชาภิเสกชื่อ
               ว่า ติโลกราช หั้นแล อายุ ๙๗ ปีตาย”



                       ๑๖.  พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
               ทรงมีรับสั่งให้เรียบเรียงขึ้นเมื่อวันพุธขึ้น ๑๒ คํ่า เดือน ๕ ปีวอกโทศก จุลศักราช ๑๐๔๒ (พ.ศ. ๒๒๒๓) ให้เอา

               จดหมายเหตุของพระโหราธิบดเขียนไว้แต่ก่อน และจดหมายเหตุซึ่งหาได้แต่หอหนังสือ มาชำระเรียบเรียงไว้
                                          ี
               สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงให้ความเห็นว่าเป็นพงศาวดารที่ระบุศักราชแม่นยำกว่าฉบับอื่นท ี่
               ชำระในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ โดยใช้คำสรรพนามแทนเจ้าพระญาติโลกราชแห่งเชียงใหม่ว่า “มหาราช” /

               “มหาราชท้าวลูก” / “ท้าวลูก” / “ท้าวมหาราชลูก” ส่วน ท้าวบุญเรือง เจ้าเมืองเชียงรายใชว่า “มหาราช
                                                                                              ้
               ท้าวบุญ” ลำดับความดังนี้


                       ศักราช ๘๑๓ มะแมศก (พ.ศ. ๑๙๙๔) ครั้งนั้น มหาราช มาเอาเมืองซากังราวได้แล้วจึงเอาเมือง

               สุโขทัย เข้าปล้นเมืองมิได้ก็เลิกทัพกลับคืน
                       ศักราช ๘๒๒ มะโรงศก (พ.ศ. ๒๐๐๓) เล่นการมหรสพฉลองพระ แลพระราชทานแก่สงฆ์แลพราหมณ

               แลพรรณิพกทั้งปวง ครั้งนั้นพระยาซเลียงคิดเป็นขบถ พาเอาครัวทั้งปวงไปออกแตมหาราช
                                                                                  ่
                       ศักราช ๘๒๓ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๐๔) พระยาซเลียงนำมหาราชมาจะเอาเมืองพิษณุโลก เข้าปลน
                                                                                                        ้
                                                                                                  ้
               เมืองเป็นสามารถมิไดเมือง แลจึงยกทัพเปร่อไปเอาเมืองกำแพงเพ็ชร แลเข้าปล้นเมืองเถิงเจดวันมิไดเมือง แล
                                 ้
                                                                                           ็
               มหาราชก็เลิกทัพคืนไปเชียงใหม่

                             มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง


                                                         หน้า ๖
   289   290   291   292   293   294   295   296   297   298   299