Page 314 - เมืองลับแล(ง)
P. 314
ี่
ตะทา กาเล ในกาลนั้นยังมีชายคนหนึ่งไปไถไร่ถั่วในเพลาเช้า เมื่อไถไปแทบต้นไม้รังทพระสารีริกธาต ุ
ซึ่งบรรจุไว้ในที่นั้น และชายซึ่งไถไร่ถั่วนั้นเห็นพระรัศมีพระสารีริกธาตุกระทำปาฏิหาริย์ดังนั้น เห็นอัศจรรย์ใจ
นักหนา ก็กลับมาสู่เรือนของอาตมา แล้วก็นำเนื้อความที่ตนเห็นพระรัศมีมีดังนั้นไปบอกแก่คามบุรุษนายบ้านผ ู้
ู่
หนึ่ง ชื่อว่า นายยอด ๆ จึงพาชายที่ไถไร่ถั่วนั้นไปสสำนักพระมหาเถรกาเรไทย
อถ โข ลำดับนั้นพระมหาเถรกาเรไทยและนายยอดและชายที่ไถไร่ถั่วนั้น พร้อมด้วยมหาชนทั้งหลายก็
้
ไปยังต้นไม้รังนั้นแล้ว มหาเถรเจ้ากาเรไทยพระผู้เป็นเจ้า ก็พิจารณาด้วยญาณปัญญาก็รู้ว่าพระอรหันต์เจา
ทั้งหลายบรรจุพระธาตุแห่งพระพุทธเจ้าไว้ในฐานที่นั้น จึงตั้งคำสัตย์อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระพุทธองค์ผู้ทรง
พระมหากรุณาแก่สัตว์โลกครั้งนี้ ถ้าข้าพเจ้าจะได้อุปถัมภกทำนุบำรุงยกย่องพระพุทธศาสนาได้แล้ว ก็ขอให้
พระบรมสารีริกธาตุจงกระทำพระปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแก่ตาข้าพเจ้าในกาลบัดนี้
็
ั
ุ
เมื่อพระมหาเถรเจ้ากาเรไทยตั้งความสตย์อธิษฐานดังนั้นแล้ว ฝ่ายว่าพระบรมสารีริกธาตแห่งสมเดจ
พระพุทธเจ้าก็กระทำปาฏิหาริย์เสด็จออกมาเท่าลูกมะพร้าว และเท่าลูกตาลอันรุ่งเรือง แล้วก็แตกออกไป
ประดุจลูกพลุทั่วทิศานุทิศทั้งปวง ฝ่ายมหาชนทั้งหลายมีพระมหาเถรเจ้ากาไรไทยเป็นประธานก็ชื่นชมโสมนัส
ยินดีปรีดาปราโมทย์ พากันหมอบถวายนมัสการแล้วก็สักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้นด้วยดอกไม้ของหอม
ธูป เทียน ขวาลานานาประการ แล้วก็ตัดต้นรังนั้นทิ้งเสีย ก่อเป็นพระเจดีย์สวมลงไวที่ต้นรงนั้น คือพระมหา
ั
้
เจดีย์อันประเสริฐอันประดิษฐานไว้ในเมืองทุ่งยั้งนั้น ยาวะ อัชชัตตะนา ดังมีปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
ที่มา :
์
วรรณิภา ณ สงขลา. รายงานการศึกษาศิลปกรรมจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และอุตรดิตถ. กองโบราณคดี
กรมศิลปากร. ๒๕๒๙. หน้า ๑๖๔ – ๑๖๖.
มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง
หน้า ๒๖