Page 63 - เมืองลับแล(ง)
P. 63
่
29
ถึงพระยาแพร่ให้ชำระเลก เป็นไปได้ว่าในระยะเวลากว่า ๒๗ ปี (ชวงรัชกาลที่ ๓ – รัชกาลที่ ๕) ยง
ั
่
มีการใช้ราชทินนามตำแหนง “แสนหลวง” สืบทอดมาอยู่เสมอ ซึ่งตำแหน่ง “แสนหลวง” เป็นตำแหน่งผู้
์
ควบคุมกำลังพลตามแบบล้านนาปรากฏใน กฎหมายมังรายศาสตร ซึ่งตำแหนง “แสนหลวง”
่
30
่
สามารถสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นตำแหนงดงเดิมของผู้นำชมชนเมืองดานนางพน [ที่มีเรื่องเล่าสืบต่อกัน
ั้
ู
่
ุ
ี
มาว่ามาจากเมืองสระบุร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๗๓]
เมืองลับแล(ง) ในวรรณกรรม คร่าวสี่บท
่
่
ื
ิ
่
จากประวัตของ พระยาพรหมโวหาร ผู้รจนา คราวสีบท หรอ คราวฮ่ำนางชม ได้บอกว่า เมื่อ
ี
่
้
ู่
พระยาพรหมโวหารหนจากคุกเมืองแพรได้แล้ว ได้เดินทางออกจากเมืองแพรพรอมกับนางชมไปอยที่
่
ี
ี
ั
บ้านสนคอกควาย แขวงเมืองลับแลง มีอาชพเป็นพ่อค้าเร่ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ส่วนนางสรชมก็อยู่บ้าน
ี้
ึ่
ทอผ้า คราวหนงพระยาพรหมโวหารเดินทางออกจากหมู่บ้านไปทวงหน ไปได้ ๑๑ วัน จึงกลับมา
ปรากฏว่าญาตของนางสรชมได้พากลับเมืองแพรแล้ว ครงนนพระยาพรหมโวหารรสึกเสียใจมาก ด้วย
ู้
ี
ั้
ั้
่
ิ
ความหวาดกลัวในราชภัยจึงไม่อาจเดินทางไปตามหานางสรชมที่เมืองแพรได้ จึงได้แตง “คราวใช”
้
่
่
ี
่
ั
ื่
่
จำนวนสีฉบับหรือสี่ตอน พรรณนาถึงความรกความหลัง เพอชักชวนให้นางสรีชมกลับเมืองลับแลง แต ่
ื
ก็ไม่ปรากฏผลประการใดเพราะนางสรีชมนั้นไม่รู้หนังสอ นางจึงต้องนำคร่าวใช้ให้ผู้รู้ช่วยอ่านให้ฟัง เมื่อ
ผู้รู้นนเห็นถึงความไพเราะจึงขอคัดลอกไว้ พระยาพรหมโวหารอาศัยอยที่บ้านสันคอกควาย แขวงเมือง
ั้
ู่
ลับแลง จนถึง พ.ศ. ๒๔๐๔ พระยาพรหมโวหารได้เดินทางไปรับราชการในราชสำนักของพระเจ้ากาวิโร
ี
ี
ิ
รสสุรยวงศ์ฯ (เจ้าชวิตอ้าว) จนกระทั่งพระยาพรหมโวหารถึงแก่กรรมที่เมืองเชยงใหม่ ใน พ.ศ. ๒๔๓๐
ขณะมีอายุได้ ๘๕ ปี
31
จากประวัติของพระยาพรหมโวหารไม่ปรากฏว่ามาอาศัยอยู่ที่บ้านสันคอกควาย เมืองลับแลง ปี
ั
ใด ทราบแตเพยงว่าออกจากเมืองลับแลไปอยเมืองเชยงใหม่ พ.ศ. ๒๔๐๔ (ตรงสมัยรชกาลที่ ๔) อัน
ู่
ี
่
ี
เป็นปีที่ เจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์ ผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้รับโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ ๔ ให้มีตำแหน่งเป็น
“พระเจ้าฯ ผู้ครองนครเชียงใหม่” จึงไม่ทราบว่าพระยาพรหมโวหารไปมาพำนักที่เมืองลับแลกี่ปี แต่จาก
้
ั
การเทียบเคียงนิทานเมืองลับแลว่าด้วยเมืองแม่หม้าย เป็นไปไดว่า เรื่องราวของพระยาพรหมโวหารกบ
่
ั
นางสรชมอาจถูกเล่าสืบทอดในกลุ่มชางซอเมืองลับแลจนเกิดเป็น “วาทกรรมผิดฝาผิดตว” ให้เกิด
ี
ี้
ู
นทานเรองเมืองลับแลเป็นเมืองแม่หม้าย เป็นเขตห้ามพดโกหก ซึ่งแม่หม้ายในที่นอาจหมายถึง
ิ
ื่
29 หจช., จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓ จ.ศ. ๑๒๐๙, เลขท ๒๙. สารตราเจ้าพระยาจักรีถึงพระยาพิชัยเรื่องให้มี
ี่
หนังสือถึงพระยาแพร่ให้ชำระเลก. อ้างใน ขวัญเมือง จันทโรจนี. หน้า ๑๙๙.
30 ประเสริฐ ณ นคร. มังรายศาสตร์. หน้า ๒.
31 อุดม รุ่งเรืองศรี. หน้า ๒๑๐ – ๒๑๑.
เมืองลับแล(ง) ประวัติศาสตร์และข้อค้นพบใหม่
หน้า ๕๑