Page 334 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 334
มีประเด็นที่น่าสังเกตคือ แม่ศรีมหาตา ผู้ที่ถูกระบุว่าว่ามาทำบุญพร้อม แม่พระพิลก เป็นผู้ใด? และมีความ
เกี่ยวข้องประการใดระหว่างรัฐสุโขทัยกับรัฐล้านนา เมื่อตรวจสอบกับ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ที่ระบุว่า
ิ
พระญาแสนเมืองมา มีพระราชโอรสองค์ใหญ่ ขณะมีพระชนมายุได้ ๑๕ พรรษา คือ ท้าวยี่กุมกาม ประสตราว
ู
พ.ศ. ๑๙๒๐ เมื่อพระชนม์ได้ ๑๒ ปี จึงได้เป็นเจ้าเมืองเชียงราย หลังจากที่พระญาแสนเมืองมาสวรรคต กลม
ุ่
ขุนนางได้สนับสนุนให้พระราชโอรสองค์ที่ ๓ คือ พระญาสามฝั่งแกน ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๑๙๔๕
ทำให้เกิดความไม่พอใจของท้าวยี่กุมกามซึ่งมีสิทธิธรรมในฐานะพระราชโอรสองค์ใหญ่ รัฐล้านนาจึงถูกแบ่ง
ออกเป็น ๒ ส่วนคือ (๑) ปาไป่เจอหน่าย (แคว้นเชียงราย) และ (๒) ปาไป่ต้าเตี้ยน (แคว้นเชียงใหม่) จนกระทง
ั่
มีความเปลี่ยนขั้วทางการเมืองโดยฝ่ายเชียงรายได้ส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังราชสำนักจีน (ราชวงศ์หมิง)
้
ครั้งสุดทายคือ พ.ศ. ๑๙๔๘ ท้าวยี่กุมกามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ที่ ๒
(ครองเมืองชากังราว พ.ศ. ๑๙๑๑ ได้ครองสุโขทัย พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๕๒) จึงเทครัวชาวเมืองเชียงรายทังปวง
้
ลงมาอยู่ที่เมืองซาก (ชากังราว? ) ในเขตของแคว้นสุโขทัย
ซึ่งหากพิจารณาความสัมพันธ์ทางการเมืองผ่านการแต่งงาน ท้าวยี่กุมกามขณะครองเมืองเชียงรายช่วง
พ.ศ. ๑๙๔๕ – ๑๙๔๘ พระญาสามฝั่งแกนอาจได้พระธิดาของท้าวยี่กุมกามเป็นชายา [จากข้อสันนิษฐานใน
บทความของ สุรศักดิ์ ศรีสำอาง] จนต่อมาประสูติพระราชโอรสองค์ที่ ๖ ในเจ้าพระญาสามฝั่งแกน เมื่อ พ.ศ.
๑๙๕๒ คือ ท้าวลก (เจ้าพระญาติโลกราช) ทำให้จารึกเรียกพระนามของพระมหาเทวีพระราชชนนีในเจาพระ
้
ญาติโลกราชว่า แม่พระพิลก พระนางจึงน่าจะประสูติราว พ.ศ. ๑๙๓๗ และให้การประสูติท้าวลกหรือพระพิ
ลกขณะพระชนม์ได้ ๑๕-๑๖ พรรษา
็
ส่วน แม่ศรีมหาตา เป็นการกร่อนคำมาจากคำว่า สมเด็จพระศรีธรรมราชมาดา อันเปนตำแหน่งของ
ู้
พระราชชนนีของพระมหาธรรมราชาธิราชแห่งรัฐสุโขทัย ซึ่งขณะนั้นคือ พระมหาธรรมราชาธิราช ที่ ๔ ผครอง
เมืองสองแคว (พิษณุโลก) ซึ่งควรจะหมายถึง แม่นางษาขา [ถูกระบุในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ
หอพระสมุดวชิรญาณ] “อันดับนั้นพระราชเทวีทูลแต่พระบรมราชาธิราชเจ้าดวยจะยอมหงอกแมนางษาขา
่
้
้
มารดาแลจะขอชื่อให้สมเด็จผเป็นเจาก็ประสาทคานหามทอง ไม้เท้าทอง แลเครื่องราชาประโภคให้นามกรชอ
ื่
ู้
พรประสิทธิ แม่นางษาขา พระราชมารดานางพญาแลมหาธรรมราชาธิราชนั้น” พิธียอมหงอกเป็นพิธี
ู่
้
โบราณเพื่อบอกถึงการเข้าสปัจฉิมวัย(วัยชรา) แล้ว คาดว่า แม่นางษาขา จะประสูติราว พ.ศ. ๑๙๑๗ แลว
ประสูติพระมหาธรรมราชาธิราชที่ ๔ (บานเมือง) พ.ศ. ๑๙๓๓ ขณะพระชนม์ได้ ๑๕-๑๖ พรรษา
ดังนั้น แม่นางษาขา (ศรีมหาตา) กับพระมหาเทวี (แม่พระพิลก) อาจมีความสัมพันธ์ทางเครือญาต ิ
อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างกัน [แต่พระชนมายุคงห่างกันประมาณ ๒๐ ป] คำว่า “พระองค์เจ้าอยู่หัวทั้งสอง” จึง
ี
น่าจะหมายถึง พระมหาธรรมราชาธิราชที่ ๔ แห่งสองแคว กับ เจ้าพระญาติโลกราช แห่งเชียงใหม่ การสร้าง
พระพุทธรูปองค์นี้คงอยู่ในช่วง พ.ศ. ๑๙๘๖ หลังจากได้เมืองแพร่เป็นของฝ่ายเชียงใหม่แล้ว นอกจาก
ั
พระพุทธรูปองค์นี้จะทำให้เห็นถึงความสมพันธ์ทางเครือญาติกันแล้ว ยังสื่อความถึงบริบททางการเมืองด้วย
มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง
หน้า ๔๖