Page 371 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 371

อภิปรายเรื่อง



                       จากมหาสงครามศึกชิงความเป็นใหญ่แห่งสามโลกระหว่างฝ่ายเจ้าพระญาติโลกราช แห่งล้านนา กับ

               ฝ่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานนั้น จะเห็นได้ว่าต่างฝ่ายต่างใช ้
               ยุทธวิธีและกุศโลบายเพื่อแย่งชิงเมืองในอาณาบริเวณลุ่มเม่น้ำปิง – ยม – น่าน หรือภาคเหนือตอนล่าง (แคว้น

                                                          ั
               สุโขทัย) พื้นที่การทำสงครามแต่ละครั้งมีทั้งที่ได้รับชยชนะเด็ดขาด และการไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ โดยทพื้นท ี่
                                                                                                     ี่
               เมืองที่ตกเป็นของล้านนาอย่างยาวนานคือบริเวณพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ (เมืองทุ่งยั้ง / เมืองลับแล) รวมไปถึง
               พื้นที่ของตอนบนของจังหวัดสุโขทัย (เมืองศรีสัชนาลัยหรือเชียงชื่น) และทำให้ชุมชนบริเวณดังกล่าวนี้ได้รับ

               อิทธิพลทางวัฒนธรรมจากล้านนา แม้ว่าในสมัยหลังที่ล้านนาไม่มีเอกภาพในการปกครองตนเอง แต่ชุมชน

               ดังกล่าวยังมีภาพสะท้อนแห่งชาติพันธุ์ วิถีวัฒนธรรม ที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าบริบททาง
               ประวัติศาสตร์จะเลือนหายไปจากชุมชนแห่งนี้แต่ยังคงทิ้งเงื่อนเค้าในชุมชนผ่านวรรณกรรม ตำนาน เรื่องเล่า ท ี่

               มีการเล่าขานอยู่เสมอ

                       ตำนานเกี่ยวกับเจ้าพระญาติโลกราช กษัตริย์แห่งล้านนาเชียงใหม่ ที่แฝงอยู่กับท้องถิ่นได้แก่ โครงเรื่อง
               “พระญาศรีธัมมโสกราช” ในตำนานพระแท่นศลาอาสน์และพระมหาธาตเมืองทุ่งยั้ง, เค้าโครงเรื่อง “เจ้าฟ้า
                                                                             ุ
                                                       ิ
               ฮ่ามกุมาร” อารักษ์(ผี)ประจำชุมชนเมืองลับแล (โดยเฉพาะ ต. ฝายหลวง อ. ลับแล จ. อุตรดิตถ์), อารักษ์(ผี)

               ประจำชุมชนเมืองด้ง (ต. บ้านตึก อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย) คือ “เจ้าหมื่นด้งนคร” ที่มีประเพณีเลี้ยงผีอารักษ์
               เมือง การเข้าทรง การแห่ช้าง ช่วงวันที่ ๑๙ – ๒๐ เมษายน ของทุกปี  หรือแม้กระทั่งชุมชน บ้านผาเตาหมู่ ๓
                                                                                                   ่
                                                                                                        ี่
               ต. ผาเลือด อ. ท่าปลา จ. อุตรดิตถ์ (เมืองฝางกับบ้านผาเต่ามีระยะทางห่างกันโดยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร) ทมี
               หมุดหลักหินเรียกกันว่า “หลักมั่นหลักคง” หรือ “หลักสามแสน” [เป็นหลักแดนระหว่างเขตสยามกับเมือง
               น่าน] บริเวณนั้นมีศาลอาชญาด้ง [อัญญา เป็นคำแทนชื่อเจ้านายในภาษาล้านช้าง สมัยโบราณปกครอง

                                                                                                       ่
               โดยอัญญา ๔ คือ เจ้าเมือง อุปราช ราชบุตร ราชวงศ์ เจ้านายทั้ง ๔ เรียกว่า อัญญา หรือ อาชญา เพราะทาน
               ทั้ง ๔ มีอำนาจเด็ดขาด จะให้คุณให้โทษในสถานใดก็ได] ที่มีประเพณีเลี้ยงผีอารักษ์ในวันที่ ๑๙ เมษายน ของ
                                                             ้
               ทุกปีด้วยเช่นกัน การปรากฏนามอารักษ์หลักเมืองว่า “ด้ง” เช่นเดียวกันทั้งสองชุมชนนั้นอาจเปนภาพสะทอน
                                                                                              ็
                                                                                                       ้
               บางประการจากครั้งที่เจ้าพระญาติโลกราชโปรดให้เจ้าหมื่นด้งนคร (ขุนทหารคู่ราชบัลลังก์ล้านนา) มาปกครอง

               หรือควบคุมไพร่พลในพื้นที่ชุมชนแห่งนี้โดยมีเมืองเชียงชื่น (เชลียงหรือสวรรคโลก) เป็นศูนย์บัญชาการเพื่อ
               ควบคุมเมืองทุ่งยั้ง เมืองลับแล เมืองฝาง จรดบริเวณบ้านผาเต่าด้วย

                                                                                                   ิ
                                                                         ี
                                              ้
                       ฉะนั้นพระราชอำนาจของเจาพระญาติโลกราช แห่งล้านนาเชยงใหม่ จึงมีเค้าโครงทางประวัตศาสตร์
                                                                                                       ี่
               ถึงแม้ว่าการสร้างประวัติศาสตร์แบบรัฐชาติ (สยามส่วนกลาง) จะกดทับจนเปนมายาคติและเป็นวาทกรรมทถูก
                                                                              ็
               อำพรางไว้




                             มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง


                                                        หน้า ๘๓
   366   367   368   369   370   371   372   373   374   375   376