Page 8 - ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
P. 8
ส่วน “พ่อพลอย” วุฒิพงษ์ ไชยวุฒิ อดีตเจ้าหน้าที่ชลประทาน หนึ่งในเจ้าของบ้านครัวเรือน
ต้นแบบด้านเกษตรปลอดสารเคมี บอกว่า หลังเกษียณกลับมาอยู่บ้านเฉยๆ ทำทุกวิถีทางจะ
ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง โดยไม่ต้องซื้อ ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ เป็น
การลดต้นทุน ลดการเผากิ่งไม้ใบไม้ ขณะเดียวกันเศษไม้ขนาดใหญ่ก็เผาเป็นถ่านไว้ใช้เอง ลดการใช ้
ก๊าซหุงต้มจากเดือนละ 1 ถัง เป็น 2 เดือน 1 ถัง ประหยัดไปได้อีกทางหนึ่ง
การได้เดินสำรวจไปรอบๆ หมู่บ้านน้ำโจ้ เริ่มเห็นแล้วว่า ชาวสวนหลายคนเริ่มทำปุ๋ยหมัก
้
น้ำหมักชีวภาพไว้ใชในสวนลำไยของตัวเอง บางครอบครัวไม่มีที่ดินปลูกผัก ก็หันมาปลูกในตระกร้า
กะลังมัง วางหรือแขวนมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน เพราะทุกคน ตระหนักดีว่า สังคมยุคบริโภคนิยม
การเดินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นที่จะช่วยให้ชีวิตและสังคมดำเนินไปอย่างปกติสุข
และสอดคล้องกับพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 ที่ว่า “…การจะเป็นเสือนั้นไม่
สำคัญ สำคัญที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่า อุ้มชูตนเองได้ ให้
มีพอเพียงกับตนเอง ความพอเพียงนี้ ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารเอง
จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่า ในหมู่บ้านหรือในอำเภอจะต้องมีความพอเพียง
พอสมควร บางสิ่งบางอย่างผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างเท่าไหร่
ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...”
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านสันต้นแหน ปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้
บ้านน้ำโจ้ หนุนชาวบ้านปลูกผักปลอดสารไว้บริโภคในครัวเรือน

