Page 60 - Demo
P. 60

 รัฐเยว่ (๖๐๑ - ๓๓๓ BC)
รัฐอู่ กับเยว่ เป็นเสมือนบ้านพ่ีเมืองน้อง เช่นไทย กบั ลาว แตเ่ ยวม่ คี วามเปน็ ไทมากกวา่ หลงั จากอาณาจกั ร สางล่มสลาย ไทสางบางส่วนอพยพมาห้วยคึ และมี เมืองสาง๘๖ เป็นเมืองหน้าด่านบนเนินเขาทางตะวันตก (ดา่ นหยาง) มแี หลง่ แรท่ องแดง จงึ สามารถผลติ อาวธุ และ กระจก ชาวบา้ นปลกู ขา้ วนาดา เลย้ี งควาย ปลกู บา้ นไมใ่ ช้ ตะปู ใต้ถุนสูง สักตามตัว ไว้ผมส้ัน ใช้กลองมโหระทึก แต่งฟัน ทอผ้า เล้ียงไหม พูดภาษาไท๘๗,๘๘ และท่ีสาคัญ ชานาญการเต้นรา ดนตรี พบเพลงเรือระบุในบันทึกจีน
นักวิชาการยอมรับว่าชาวเยว่คือบรรพบุรษชาวไท คาว่า “เยว่” ถูกบันทึกเป็นวรรณกรรม เอกสารต่าง ๆ มาตั้งแต่ยุคราชวงศ์สาง และราชวงศ์โจว๘๙ กษัตริย์ เจ้าเจ้ียน (๔๙๖ BC) สืบเชื้อสายมาจากอวี่ (Yu) และ ยังเป็นหลานของเจ้ากังแห่งราชวงศ์เซี่ย๙๐ หลานปู่ของ พระเจ้าจงคังที่ส่งโอรสช่ือ “ปุยี” ไปครองเมือง “อวด” หรือ “เยว่”๙๑ อู่ และเย่ว์ทาสงครามกันหลายคร้ัง ครงั้ สา คญั เจา้ เจยี้ นพา่ ยแพต้ อ่ ฟไู่ ฉ ตอ้ งยอมถกู เหยยี ดหยาม ภายใต้การช่วยเหลือของฟั่นล่ี และกลอุบายส่งหญิงงาม “ไซซี” ย่ัวยวน พร้อมแม่ทัพหญิงช่ือ “นู่หัว”๙๒ นาการ รบลา้ งแคน้ อไู่ ดส้ า เรจ็ และยา้ ยเมอื งหลวงไปเหนอื แมน่ า้ สางเจียง ช่ือว่า “ล่างเยว่”
คร้ังหน่ึงขงจื้อ พาลูกศิษย์มาสมัครรับราชการด้วย เจ้าเจี้ยนพาทหารต้ังแถวต้อนรับนอกประตูเมือง ขงจ้ือ บอกว่าสามารถแนะนาหลักการปกครองที่ดีซ่ึงเคยใช้
มาแลว้ โดยหา้ จกั รพรรดิ สามกษตั รยิ ์ แตเ่ จา้ เจยี้ นปฏเิ สธวา่
“คนชาวเยว่ เป็นคนหยาบกร้าน เม่ือเดินทางใช้การ พายเรือเป็นหลัก พักอาศัยบนเนินเขา เรือคือเกวียน พายคือม้า เม่ือยามบุกรวดเร็วดุดันด่ังพายุหมุน ยามถอย รวดเร็วมิอาจติดตามได้ ชาวเย่ว์ชอบศาสตราวุธ และ ยินดีสู้ตายในสนามรบ เจ้าเจ้ียนถามขงจื้อว่าจะเอา อะไรมาสอน ขงจื้อไม่ตอบ เพียงโบกมืออาลา และ จากไป”๙๓
ในปี ๓๓๔ BC อเู่ จยี งกษตั รยิ ช์ าวเยวเ่ ชอื้ สายเจา้ เจยี้ น องค์สุดท้ายยกทัพไปโจมตีรัฐฉู่ แต่เป็นฝ่ายปราชัย รัฐฉู่ส่งอู่ฉีตามมาปราบเยวจ่นต้องอพยพกระจัดกระจาย ลงใต้ ต้ังแต่ห้วยคึจนถึงเจี้ยวฉื่อ ย่าย้อย (Yayoi) พาไท อพยพไปญ่ีปุ่น ชาวไทนาโดยพญาอู่ลู่๙๔ อพยพมา ตั้งเมืองในที่ราบเพราะตามล่ากวาง ย่าคาแดงพาไท เสียนหลอ อพยพมาตั้งรกรากท่ีเชียงรุ้ง ประมาณ ๒๓๔ BC๙๕ เป็นการอพยพแบบพักทานาไปด้วย ใช้เวลา ๓ ปี จนในท่ีสุดไปอาศัยพ้ืนท่ีของเผ่าทมิฬหรือยักษ์ ท่ีอพยพมาจากอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มาตั้งรกรากสองฝั่งแม่น้าโขง จนเป็นต้นตานานเรื่องเล่า อาละโวกะยักษ์
สางคึ – แคว้นโบราณ (? BC)
นกั วชิ าการทกุ ฝา่ ยเหน็ ตรงกนั วา่ ไทตงั้ รกรากทยี่ นู นาน- กยุ้ โจวมานาน อาจเปน็ คนไทในสวุ รรณภมู ทิ อี่ พยพขนึ้ ไป อยู่บริเวณแม่น้าสางคึ (Zhangke) โดยพบเมืองโบราณ
 ๘๖ Heater Peters, “Tattooed Faces and Stilt house” SINO-PLATONIC PAPERS ๘๗ Chris Baker Ibid. p.4.
๘๘ Tan L. 1994: p.167.
๘๙ Peter H. Ibid. p.16.
๙๐ กัญญํา ลีลําลัย ล ด. หน้ํา ๑๔๕
๙๑ Yue NU: Cohen, 2010: p.16.
๙๒ Cohen “The Goujian Story in Antiquity” p. 28
๙๓ Henry Eric, “The Submerged History of Yue,” Sino-Platonic Paper, 176 May 2007, p.13 ๙๔ Peter H. Ibid. p.15
๙๕ ยรรยง จิระนคร ล ด. หน้ํา ๑๒๕.
 นาวิกศาสตร์ 59 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

















































































   58   59   60   61   62