Page 44 - จุลสาร 64_4
P. 44
่
่
2) การให้ค ามันและความสมาเสมอ (Commitment & Consistency)
่ ่
ุ
‘มนษย์มักจะท าสิงทีตัวเองได้พดหรือให้สัญญาไป’
ู
้
่
่
้
ั
ี
ุ
่
่
ในหลักการทีสองน เขาได้บอกวา ลึก ๆ แล้วมนษย์นนต้องการทีจะให้คนเหนวา
็
่
่
่
้
่
่
ั
่
ตัวเองนนมีความสม าเสมอกับสิงทีได้พูดออกไป ท าให้เมือเราให้คามันสัญญาตออะไร
่
้
่ ้
่
่
็
ั
ั
บางอยาง หรือบอกว่าเราจะท าอะไรบางอยาง มันกมีแนวโน้มทีเราจะท าสิงนน เพราะเรานน
่
่
่ ่
ร ้สึกกดดันจากสิงทีเราได้พูดออกไปแล้ว ซึงถ้าแบรนด์สามารถทีจะท าให้ลูกค้าสัญญาหรือ
ู
่
่
้
่
็
็
็
็
่
รับปากกับอะไรบางอยางได้ แม้วาจะเปนสิงเลก ๆ กตาม มันกมีแนวโน้มทีพวกเขาจะซือ
ของกับเราในอนาคต
3) การใช ้หลักฐานทางสังคม (Social Proof)
่
‘เพราะคนอืนท า เราจึงท า’
ภาพจาก : Medium
่
่
่ ่
็
Social Proof เปนหลักทางจิตวิทยาอย่างหนงทีเมือเราเหนคนอืนท า เราก็มักจะท าตาม
ึ
็
่
่
บางที Social Proof ถูกตีความว่าเปน Peer Pressure หรือการกดดันจากผู้อืน ทีท าให้
็
เรารู ้สึกเหมือนกันว่าเราต้องท าตามพวกเขา
่
็
็
โดยจริง ๆ แล้ว Social Proof ก็เปนอะไรทีเราเหนได้ในสังคมอยู่บ่อย ๆ หรือเหนได้
็
่
่
้
่ ่
่
็
จากตัวเราเอง ทีต้องการจะท าตามคนอืน หรือซือของตามผู้อืน เพราะมันเปนสิงทีใคร ๆ ก็ท ากัน
้
่ ่
เราจะรู ้สึกวาสิงทีเราท านนถูก ปลอดภัย และจะได้การยอมรับจากสังคม เช่น ถ้าเราเดินอย ู่
่
ั
่
้
้
้
ั
ในห้าง แล้วเหนว่าร ้านนนมีคนซือเยอะ มีคนเข้าเยอะ เราก็จะร ้สึกอยากทีจะเข้าไปดูร ้านนน
ั
ู
็
้
ี
จนสุดท้ายก็อาจจะได้ของติดไม้ติดมือออกมาด้วย หรือเวลาเราเหนว่าสินค้าตัวนมีรีวิวเยอะ
็
่
่
คนบอกวาดี ของมันต้องมี ความลังเลใจของเราจะถกลดลง แทนทีด้วยการหยิบลงตะกร ้า
ู
่
่
ี
และจ่ายเงินทันที นจึงเปนเหตผลวาท าไมแบรนด์ตาง ๆ ถึงต้องการทีจะสร ้างรีวิวเยอะ ๆ
ุ
่
็
่
้
ให้กับตัวเอง เพราะมันช่วยให้เกิด ‘การซือ’ อย่างไงล่ะ!
[42]