Page 157 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 157

์
               เมืองราชคฤห์ เมืองใหญ่ ๆ โต ๆ “เรามีกิจที่ต้องท าอยู่อานนทเอ๋ยและที่นั่นเป็นที่เราเคยมรณภาพ
                                                          ี่
               หรือว่าเคยตายมาแล้ว ๗ ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งท ๘ และเมืองนั้นเคยเจริญรุ่งเรือง เราเคยเป็นมหาจัก
               พรรดิ์ ชื่อว่า “มหาสุทสสนะ” เมืองหงสาวดีในสมัยก่อน เพราะฉะนั้น เรามีหน้าที่จะต้องไปท าอยู่”
                                    ั
                     เมื่อพระองค์ได้ประกาศอย่างนี้ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ า เดือน ๖ ตรงกับวันนี้ พระองค์ก็ปลงอายุ

               สังขาร  ไม่ใช่พระองค์ไม่รู้  พระองค์รู้จะปรินิพพานที่ไหน  เวลาเท่าไหร่  พระองค์รู้  เมื่อรู้แล้วจึง

               ประกาศให้ทราบ นี่คือศาสดาเอกของโลก ที่ว่าพระองค์จะได้เสด็จมาท าธุระก็คือ มาโปรด “สุภัทท

               ปริพาชก”  สาวกองค์สุดท้าย  สุภัททะนี่มีความสงสัยมานานแล้ว  เขาก็เป็นนักบวชที่มีบุญมีวาสนา

               บารมีมามากต่อมากแล้ว แต่ว่าปฏิบัติเลยขั้นรูปฌานไป เรียกว่าเข้าสู่อรูปฌาน เขาก็รู้วามีความสุข
                                                                                               ่
               เขาก็รู้ว่าเข้าไปแล้วหมดกิเลส  เวลาออกจากอรูปฌานมาอยู่ตามปกติ  มันก็เกิดกิเลสเหมือนเดิม  ก็


               เลยเกิดความสงสัยก็ว่าพระอรหันต์มีจริงอยู่หรือ  ทาไมถึงเรายังมีกิเลสอย  เวลาเข้าไปอยู่ในอรูป
                                                                                    ู่

               ฌาน ทาไมมันสบาย สบายเหลือเกิน แต่เวลาออกจากอรูปฌานมาอยู่ปกติ มันก็ยังมีกิเลส มีโลภ มี
               โกรธ มีหลง มันยังไงกันแน่ พอได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานเท่านั้นแหละ

               ก็เลยรีบเข้ามากราบถามปญหา
                                       ั
                                                                        ่
                     ปัญหาของท่านมีอยู่  ๓  ข้อ  แต่ขออธิบายข้อเดียว  ทานสุภัททะกว่าจะได้เข้าไปก็โดนพระ
               อานนท์ห้าม  พระอานนท์บอกว่า  “ท่านสุภัททะอย่าเข้าไปเลย  พระพุทธเจ้าทรงประชวรหนัก

               ตอนนี้อย่าไปรบกวนเลย” ขณะที่พระอานนท์กับสุภัททะคุยกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระองค์ก็

                                                                                  ั
               ตรัสว่า  “อานนท  ให้ทานเข้ามาเถิด”  เมื่อพระอานนท์ได้ทราบพุทธด ารสเช่นนั้นแล้วจึงได้ตรัสกับ
                                ์
                                     ่
                                                                                 ้
                                      ์
               พระอานนท์ว่า “อานนทเธอให้สุภัททะเข้ามาเถิด นั่นคือสาวกองค์สุดทายของเรา” พระอานนทจึง
                                                                                                       ์
               ได้อนุญาตให้แก่ท่านสุภัททะ  เมื่อท่านสุภัททะเข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าตรัสว่า
               “พระอรหันต์มีอยู่ในโลก แต่ว่าต้องปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘” ทานตรัสว่า “ส านักใดก็ตามทมรรค
                                                                                                     ี่
                                                                           ่
                                                                ี่
                               ี่
               มีองค์ ๘ สมณะท ๑ สมณะที่ ๒ สมณะท ๓ สมณะท ๔ ก็จะมีอยู่ในส านักนั้น ถ้าหากว่าส านักใดไม่
                                                     ี่
               มีมรรคมีองค์ ๘ ส านักนั้นก็จะไม่มีสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ สมณะท ๔”
                                                                                       ี่
                     สมณะที่ ๑, ๒, ๓, ๔ หมายความว่าอย่างไร ก็คือ “โสดาปฏิผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล

               อรหัตผล”  นี่คือสมณะท  ๑,  ๒,  ๓,  ๔  เพราะฉะนั้น  ส านักของเรามีและเธออยากทราบไหมล่ะ
                                      ี่
                                                                                   ู
               พระพุทธเจ้าก็รู้ว่าสุภัททะมีพลังจิตแก่กล้าแล้ว  แต่ว่าทาจิตให้ไปอยู่ในอรปฌาน  มันเลยหลงเป็น

                                                                               ี่
               มิจฉาสมาธิ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เธอเอาจิตลงมาสิ เอามาอยู่ที่ฌานท ๔ ด ารงให้อยู่ตรงนี้ อย่าเพิ่ง
               ให้ไปไหน  แล้วเมื่อจิตมันฉุกคิดเรื่องอะไร  เราพิจารณาถึงไตรลักษณ์ให้ได้  เอาร่างกายนี้ช าแหละ

               ออกให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นยังไง แยกชิ้นส่วนของร่างกายออก มันจะได้



                                                          ๑๕๗
   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162