Page 201 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 201

ี่
               ปัญญา ทานก็ดี ภาวนาก็ดีจึงเป็นส่วนทยกระดับสร้างบุคคลให้เกิดความวิเศษ เพราะฉะนั้น บุคคล
               ที่ไม่ได้รับการพัฒนาเรียกว่า ธรรมดา หรือปุถุชน


                                                                                           ิ
                     วันนี้จะพูดถึงการท าสมาธิ  อันดับแรกต้องรู้จักจุดประสงค์ของการทาสมาธคืออะไร  ท่าน
               ทั้งหลายจะต้องรู้จุดประสงค์  จุดประสงค์ของการท าสมาธิคือพลังจิต  ท าไมเราต้องการพลังจิต

               เพราะว่าพลังจิตเป็นตัวแปรส าคัญอย่างยิ่ง  เพราะพลังจิตเกิดจากจิตที่เป็นสมาธิ  ก่อนที่จิตจะเป็น

                                                                                              ิ
               สมาธิจะมีอารมณ์มากมาย  ถ้ามีอารมณ์มากมายก็ไม่เป็นสมาธิ  เมื่อเริ่มต้นทาสมาธเราต้องใช้ค า

               บริกรรมด้วยพุทโธ  ๆ  หรืออย่างอื่นก็ได้  นึกค าบริกรรมอยู่อันเดียว  ไม่ใช่ออกเสียงนึกค าบริกรรม

               การนึกค าบริกรรมแล้วอารมณ์ที่มากมายเหลือล้นก็จะเหลือแต่พุทโธ เหลืออารมณ์พุทโธ จิตจะริ่ม

               เป็นหนึ่งเมื่อจิตเป็นสมาธิ  จิตก็จะผลิตก าลังจิตโดยออโตเมติก  เมื่อผลิตพลังจิตแล้ว  พลังจิตสะสม

               จะเก็บไว้ที่จิตและไม่มีวันสูญสลายตัว เมื่อท า ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้งก็ตาม พลังจิตเหล่านี้จะรวม

               เป็นพลังจิตแล้วก็ไม่สูญสลายมีแต่เพิ่มเติมขึ้น จนกว่าจะเพียงพอกับความต้องการ เมื่อจิตเป็นสมาธ ิ

               แล้วความสุขก็จะเกิดขึ้นความปีติ  ความสบาย  ความเบาเหมือนจะลอยไปในอากาศ  สิ่งเหล่านี้จะ

               เป็นอานิสงส์จากการท าสมาธิ เปรียบเหมือนกับคนที่รับประทานอาหาร การบประทานอาหารจะมี
                                                                                     ั
                                       ี่
               รสอร่อยและจะมีอาหารทมีวิตามิน  โปรตีน  ไปบ ารุงเลี้ยงร่างกาย  ที่จริงรสอร่อยไม่ได้เป็นวิตามิน
               โปรตีน เพียงแต่ชวนให้รับประทานเท่านั้น ส่วนที่จะเปนวิตามิน โปรตีนจะเป็นอาหารที่ทานเข้าไป
                                                                  ็

               แล้วเป็นเลือด เนื้อ ชีวิต ฉะนั้น เวลาทาสมาธิ เกิดความชื่นชม ยินดี ความเอิ่บอิ่มเหล่านั้นมาจากผล
               ของสมาธิ หมายความว่าเมื่อท าสมาธิแล้วเกิดพลังจิต พลังจิตก็กลายเป็นกระแสจิต กระแสจิตนั้น

               แหละท าให้มีความสุข สบาย และกระแสจิตนั่นแหละที่เรียกว่า “ฌาน”

                     เพราะฉะนั้น  ฌานที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้มีรูปฌานและอรูปฌาน  อรูปฌานมีอากาสานัญ

               จายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญาสัญญายตนะ ฌานจะเกิดขึ้นเองไม่ได้

               จะต้องมีสมาธิ  สมาธิจึงจะผลิตพลังจิตและพลังจิตกลายเป็นกระแสจิต  กระแสจิตกลายเป็นฌาน

                                            ี่
               ตามล าดับ  เพราะฉะนั้น  ผู้ทมาท าสมาธิคิดว่าความสุข  ความสบายเป็นสิ่งส าคัญที่จริงมันไม่ใช่
                                                            ี้
               ความสุข ความสบาย นั่นคือเหมือนรสอาหารเปรยว หวานมันเค็ม ที่อร่อยมันไม่ได้เป็นเนื้อเป็นหนัง
               แต่ท าให้เราอยากทานเทานั้น มันไม่ได้เป็นวิตามิน โปรตีน เช่นเดียวกับสมาธิ สมาธิที่ผลิตพลังจิต
                                      ่
               ถ้าผลิตพลังจิตออกมาต่อเนื่องแล้วเราจะท าอะไรนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การสร้างพลังจิตมากขึ้น พลัง

               จิตก็เอาไปเป็น ญาณ ฌาน วิปัสสนา ก็เกิดมาจากพลังจิตทั้งนั้น

                     เรื่องของสมาธิเป็นเรื่องส าคัญส าหรับมนุษย์  มนุษย์นั้นเกิดมาก็มีสมาธิแล้ว  แล้วสมาธิก็มีอยู่

               ในตัวของมนุษย์ เรียกว่าสมาธิธรรมชาติ เมื่อมีสมาธ มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์สมบูรณ์ เมื่อขาดสมาธ ิ
                                                                ิ


                                                          ๒๐๑
   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206