Page 285 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 285
ธรรมะบรรยาย ๑๑๒
ท่านเจ้าคุณ พระราชปัญญาวชิโรดม ๒๔ มิถุยายน ๒๕๖๔
่
เจริญพรทุก ๆ ทาน ได้ฟังเสียง “สาธุ” นี่มันปลื้มใจ ดีใจจริง ๆ เพราะค าว่าสาธุนี่เหมือนกับ
ุ
เป็นเสยงสวรรค์ “สาธุ” แปลว่า ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ท าไมถึงว่าสาธ เพราะว่ามันเกิดจากความปลื้ม
ี
ใจ เบิกบานใจ เห็นคนอื่นท าแล้วปลื้มใจด้วย ดีใจด้วยก็เลยต้องกล่าวค าวา “สาธุ” แม้แต่
่
ุ
พระพุทธเจ้าก็กล่าวสาธเหมือนกัน
ี่
อย่างทเคยกล่าวเรื่อง “นางเปสการี” ถามปัญหา ๔ ข้อ นางตอบได้ พระพุทธเจ้าสาธุเลย สาธุ
ู้
ถึง ๓-๔ ครั้งนะ พระพุทธเจ้าก็สาธุ เพราะว่าแสดงความชื่นชมกับผู้ตอบปัญหาหรือว่าผท าดี เมื่อเรา
เห็นคนอื่นท าดี เราก็สาธุกับเขาด้วย แสดงว่าเราไม่อิจฉาเขา มีค านึงหลวงพ่อ เจ้าประคุณ สมเด็จ
พระญาณวชิโรดมท่านบอกว่า ทานดูลิเกสมัยเป็นเด็ก ตอนเป็นเด็กท่านไปดูลิเกหรือว่าหมอล า
่
ตอนออกแขก มีค าพูดว่า “เราไม่อิจฉาใคร แต่เราไม่อยากให้ใครได้ดี เอ้า ไม่อิจฉาเขา แต่ไม่อยาก
ให้เขาได้ดี” ท่านก็มาพูด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องอนุโมทนาสาธุ มันถึงจะถูกต้อง การสาธุนี้เองจะท า
ให้เราได้บุญกุศลไปด้วย เบิกบานใจไปด้วย
พูดถึงเรื่อง “ปาติโมกข์” แปลว่า สิ่งที่ทาให้สูงยิ่งขึ้น ไม่ตกต่ า ถ้ารักษาศีลจะท าให้จิตของเรา
ไม่ตกต่ า สูงขึ้น โมกขะ ปาติโมกข์ ท าให้สูงขึ้น สูงขึ้นจนหมดกิเลส ดังนั้น ศีลจึงเป็นขั้นพื้นฐานที่การ
รองรับสมาธิ สมาธิก็เป็นขั้นพื้นฐานที่จะรองรับปัญญาต่อไป เพราะฉะนั้น ศีล สมาธิ ปัญญาต้องไป
ด้วยกัน เราสวดมนต์มันก็จะเกิดศีล เราสวดมนต์ก็จะเกิดสมาธิ เราสวดมนต์ก็จะเกิดปัญญา ทาไม
ิ
ถึงว่าอย่างนั้น ก็เพราะว่าจตเราจดจ่อ เมื่อเราจดจ่อในบทสวดมนต์ก็เป็นศีลด้วย เพราะว่าเราทาให้
เป็นปกติ เป็นนิสัย เมื่อถึงเวลาสวดมนต์ ๑ ทุ่ม เราก็มารวมกัน เรียกว่าศีล รักษากาย กับวาจาของ
เรา กายของเราไม่ท าร้ายใคร วาจาไม่พูดใส่ร้ายใคร ก็สวดมนต์นี่ก็เป็นศีลแล้ว สมาธิก็จิตจดจ่อตั้ง
มั่นอยู่ที่บทสวด มันก็เป็นสมาธ สวดไปเรื่อย ๆ จิตก็ตั้งมั่นไปเรื่อย ๆ การไม่สวดผิดก็เป็นปัญญา เรา
ิ
รู้ว่าบท ก.ไก่ ข.ไข่ ค.ควาย สวดไปตามล าดับให้ถูกอักขระอย่างนี้ มันก็เป็นปัญญาแล้ว บทนี้บท
อะไรเราก็สวดไปเรื่อย ๆ อย่างนี้เรียกว่ามีปัญญาในขณะที่สวด ศีล สมาธิ ปัญญาเกิดขึ้นในขณะท ี่
สวด เพราะฉะนั้น ผู้ที่สวดมนต์หรือสาธยายมนต์ก็เป็นผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ อย่างเช่น พระ
๒๘๕