Page 79 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 79

ธรรมะบรรยาย                                                             ๐๓๐

                        ท่านเจ้าคุณ พระราชปัญญาวชิโรดม
                                                                                      ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔




                                                                    ิ
                                                                                            ุ
                     ขออนุโมทนาบุญกับทุก  ๆ  ท่านที่ร่วมสวดรัตนปรตร  เพื่อให้เกิดความสงบสขแก่สรรพสัตว์
               ทั้งหลาย เพื่อให้โรคภัยไข้เจ็บอันตรธานหายไปจากโลก บทสวดที่บอกว่า “บูรพารัสมิง พระพุทธะ

               คุณัง บูรพารัสมิง พระธัมเมตัง บูรพารัสมิง พระสังฆานัง ทุกขะโรคะภะยัง วิวัญชัยเย สัพพะทุกข์

               สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร วิวัญชัยเย สัพพะทะนัง สัพพะลาภัง

               ภวันตุเต” กับ “ภวันตุเม” ต่างกันอย่างไร ภวันตุ “เม” นี่สวดให้ตัวเองสวดให้ตัวเอง “เต” แปลว่า

               สวดให้แก่ท่านทั้งหลาย “เม” นี่ให้กับตัวเราเอง “เต” นี้ให้แก่ทุกท่าน ใครก็ได้ สรรพสัตว์ทั้งหลาย

               ในโลกนี้

                     เพราะฉะนั้น พระอาจารย์และพระสงฆ์ทั้งหลาย ที่สวดลงท้ายคำว่า “ภวันตุเต” ก็คือให้ท่าน

               ทั้งหลายที่รับฟังอยู่ขณะนี้  สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเทวดา  พระอินทร์  พระพรหม  นาค  ครุฑ

               คนธรรพ์  สรรพสัตว์ทั้งหลาย  เชื้อโรคทั้งหลายก็เป็น  “เต”  ทั้งนั้น  ก็สวดให้ท่านเหล่านั้นทั้งหมด

               เพราะฉะนั้น ท่านจะสวดลงท้ายว่าภวันตุเมก็ได้ แต่จะสวดภวันตุเตก็ได้ สวดให้คนอื่นด้วย ตัวเราได้

               อยู่แล้ว  เราสวดตัวเราได้อยู่แล้ว  แต่ว่าสวดให้คนอื่นน่ะมันจะได้เพิ่มคือได้คนอื่นด้วย  ได้ตัวเราเอง

               ด้วย เพราะฉะนั้น การสวดที่ลงท้ายด้วยภวันตุเตนี่ก็คือให้สรรสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วกัน

                     พูดถึงเรื่องหลวงพ่อวริยังค์อีกครั้ง  ท่านป่วยอยู่โรงพยาบาล  พระอาจารย์ก็ไปเยี่ยมท่าน  เข้า
                                        ิ
               ไปเยี่ยมกราบปั๊บ ๆ ๓ ครั้ง ท่านก็พูดขึ้นมาทันที “แกรู้อยากรู้ไหม” “อยากรู้อะไรครับผม” “แก

               อยากป่วยไหม เราอยากป่วยไหม” จะตอบยังไงล่ะคราวนี้ “ผมว่าไม่อยากป่วยครับ” ก็ว่าอย่างนั้น

               แหละ “เราก็ไม่อยากป่วยหรอก แล้วมานอนอยู่โรงพยาบาลทำไมล่ะ ก็เพราะว่าเราป่วย ถามว่าเรา

               อยากป่วยไหม เราก็ไม่อยากป่วย นี่คือสังขารร่างกาย” ท่านว่าอย่างนี้ “เราห้ามมันไม่ได้ อย่าเจ็บ

                           ่
               อย่าป่วย อยาตายนะ บอกได้แต่มันไม่เชื่อ นี่คือเป็นอนัตตาแท้ ๆ” ท่านว่าอย่างนี้
                     เพราะฉะนั้น  “สัพเพสังขารา  อนัตตา  สรรพสัตว์ทั้งหลายหรือว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี่  เป็น

               อนัตตา คือความไม่มีตัวตน เราป่วยกาย แต่ใจเราไม่ป่วย” “ยิ่งงงไปใหญ่ ป่วยกาย แต่ใจไม่ป่วย

               หลวงพ่อทำยังไงครับ”  “เราก็แยกกาย แยกจิตซิ”  ท่านว่าอย่างนั้น  “แยกกายก็ส่วนกาย กายทำ

               หน้าที่ไป กายทำหน้าที่ของมัน เมื่อมันชำรุด ทุพลภาพ คือป่วย แกต้องคิดดูซิว่า ใครไม่เป็นโรคบ้าง



                                                           ๗๙
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84