Page 31 - หนังสือประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ 2568 ครั้งที่ 25
P. 31
หลังการบ าบัดฟื้นฟู (relapsed) และกลุ่มที่สามารถลดระดับการใช้สารเสพติด (reduced drug use) จากระดับ
ที่เป็นปัญหาสู่ระดับที่ไม่เป็นปัญหา การเลือกแนวทางการจัดการกับผู้เสพสารเสพติดด้วยการตั้งเงื่อนไข
ต้องเลิกเสพสารเสพติดและไม่หันไปหาสิ่งเสพติดอีกเท่านั้น จึงขัดกับทั้งธรรมชาติวิทยาและการด าเนินโรคของ
ผู้เสพสารเสพติด
มุมมองการใช้แนวคิดการดูแลเพื่อให้ผู้เสพสารเสพติดลดการใช้สารเสพติดจากระดับที่เป็นปัญหามาสู่
ระดับที่ไม่เป็นปัญหา ถูกปฏิเสธในวิชาการแพทย์ทางด้านนี้ โดยเฉพาะสมาคมจิตแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
มาโดยตลอด เพราะมองว่า การติดสารเสพติดท าให้สมองถูกท าลาย ผู้ติดสารเสพติดไม่สามารถหันกลับมาใช้
สารเสพติดอย่างควบคุมการใช้ได้ (controlled drug use) จึงเป็นที่มาของมุมมอง และบรรทัดฐานของการจัดการ
ผู้ติดสารเสพติดด้วยการต้องรักษาให้หายเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 1962 DL. Davies จิตแพทย์ชาวอังกฤษ รายงานผู้ป่วยติดสุราเรื้อรังจ านวน 7 รายจาก 93
ราย ที่เข้ารับการรักษาโรคติดสุราเรื้อรังที่โรงพยาบาล Maudsley และติดตามเป็นระยะเวลา 6 ปี พบว่า ผู้ป่วยทั้ง
7 ราย สามารถดื่มสุราแบบควบคุมการดื่มได้ (controlled drinking) รายงานนี้เป็นการจุดเริ่มต้นของการถกเถียง
ในวงการวิชาการถึงแนวคิดที่ขัดกับความเชื่อเดิมที่ว่า การรักษาเพื่อให้เลิกดื่มสุราหรือเสพสารเสพติดเป็นมาตรการ
เดียวเท่านั้นที่จะช่วยผู้ติดสุราเรื้อรังได้จริงหรือไม่
ในปีค.ศ. 1973 Mark และ Linda Sobell ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ได้รายงานการศึกษาวิจัย การท า
พฤติกรรมบ าบัดผู้ติดสุราเรื้อรัง 70 ราย (Individualized Behavior Therapy for Alcoholics" study) พบว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยที่รักษาแบบหยุดดื่มสุราเท่านั้น กลุ่มผู้ป่วยที่บ าบัดฟื้นฟูแบบควบคุมการดื่ม ได้ผล
ดีกว่า งานวิจัยนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่มีมาตรฐาน และมีการสร้างข้อมูลการวิจัยที่เป็นเท็จ เป็นที่โต้แย้งกันไปมาตลอด
จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี มีกลุ่มนักวิชาการที่สนับสนุน และตรวจสอบข้อมูลการวิจัยว่ามีความเป็นจริง เชื่อถือได้
ตามบริบทที่ศึกษา
เมื่อวกมาเรื่อง มาตรการการลดอันตรายจากการใช้ยา ถือว่าเป็นมาตรการที่ประสบความส าเร็จตั้งแต่มี
มาตรการการใช้และแจกเข็มฉีดยาสะอาดเพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคเอดส์ที่สูงในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดประเภทฉีด
ในยุโรปช่วงต้นทศวรรษที่ 1980s และได้มีความพยายามในการผลักดันให้มาตรการดังกล่าวถูกน ามาก าหนดเป็น
นโยบายระหว่างประเทศ UNAIDS ใช้เวลาเจรจาในเวทีองค์กรระหว่างประเทศในการแก้ปัญหายาเสพติด (CND:
UNODC) กว่า 20 ปี นโยบายดังกล่าวถึงถูกก าหนดในพันธะสัญญาระหว่างประเทศในปี ค.ศ. 2016 เป็นที่น่า
เสียดายที่นโยบายการลดอันตรายจากการใช้ยาถูกน าไปอยู่ใต้ร่มการลดอุปสงค์ (demand reduction) มาตรการ
ลดอันตรายจากการใช้ยาที่ทาง UNODC เลือกใช้ที่ส าคัญ คือการให้เมทาโดนทดแทนในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด
ประเภทฝิ่นและอนุพันธ์ของฝิ่น ส่วนมาตรการแจกเข็มฉีดยาสะอาดต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่ผู้น าประเทศที่มี
บทบาทส าคัญในองค์กรระหว่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาจะยอมให้งบประมาณในการจัดซื้อและแจกเข็มฉีดยา
สะอาดได้
19

