Page 32 - หนังสือประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ 2568 ครั้งที่ 25
P. 32
มาตรการการใช้สารทดแทนการใช้ยาเสพติดยังจ ากัดเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ฝิ่นและอนุพันธ์ของฝิ่น ส่วนการใช้
สารทดแทนในยาเสพติดประเภทสารกระตุ้นยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แม้จะมีรายงานความเป็นไปได้บ้าง
ก็ตาม ในระยะหลัง เริ่มมีรายงานการศึกษาที่พบว่า เมื่อน าผลลัพธ์ของกลุ่มที่ลดการใช้ยาเสพติด (Reduced drug
use outcome) มาพิจารณา จะพบความส าเร็จในผู้ป่วยกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการใช้มาตรการการลด
อันตรายจากการใช้ยาด้วยการใช้เป้าหมายหรือ ผลลัพธ์การลดการใช้ยาเสพติดประเภทสารกระตุ้น ที่ให้ได้
ประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพและการท างานได้เช่นกัน รายงานหนึ่งที่ถูกอ้างถึงบ่อยครั้ง คือ รายงานการวิจัยของ
Amin-Esmaeili และคณะ ในวารสาร Addiction เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2024 เป็นการวิจัยแบบ meta-analysis
randomized controlled trials เพื่อดูผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการท างานของกลุ่มที่ยังใช้ยาเท่าเดิม กลุ่มที่เลิก
เสพยาเสพติดได้ และกลุ่มที่ลดการใช้ยาเสพติดประเภทสารกระตุ้นในผู้ป่วยจ านวน 2062 ราย พบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่
ลดการใช้ยาเสพติดมีมากกว่ากลุ่มที่สามารถเลิกใช้ยาเสพติดได้ (18.0% vs. 14.2%) ในกลุ่มผู้ป่วยที่ลดการใช้ยา
เสพติดสามารถลดอาการเสี้ยนยา (craving) ลดพฤติกรรมขวนขวายหายา และลดความรุนแรงของภาวะซึมเศร้าได้
ดีกว่ากลุ่มที่ยังมีพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดเหมือนเดิมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ รวมถึงการดีขึ้นของ
psychosocial functioning และความรุนแรงที่สัมพันธ์กับยาเสพติด แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้เท่าในกลุ่มที่เลิกยา
เสพติดได้ก็ตาม ผู้วิจัยได้สรุปว่า การขยายมุมมองด้านความส าเร็จนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นความเห็นอกเห็นใจเท่านั้น
แต่มีความเที่ยงทางคลินิกในการจัดการธรรมชาติของการเสพติดที่มีความซับซ้อนด้วย (This approach is not
only compassionate, but also clinically valid in addressing the complex nature of addiction)
การใช้การลดการใช้ยาเสพติดเป็นผลลัพธ์สุดท้ายเป็นที่ยอมรับของทั้งสถาบันการสุขภาพแห่ง
สหรัฐอเมริกา (NIH) และบุคคลส าคัญอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการผลักดันการใช้มุมมองด้านสุขภาพของผู้ใช้
ยาเสพติดในเวทีระหว่างประเทศ คือ Nora Volkow ผู้อ านวยการสถาบันแห่งชาติด้านยาเสพติดแห่งสหรัฐอเมริกา
(NIDA) ก็ให้การยอมรับการลดปริมาณการใช้ยาเป็นผลลัพธ์สุดท้ายในการดูแลผู้ติดยาเสพติดได้
ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2023 ทาง FDA ของสหรัฐอเมริกาได้ออกร่างประชาพิจารณ์แนวทางปฏิบัติ
ส าหรับการวิจัยพัฒนาที่เป็นทางเลือกอื่น ส าหรับผู้ใช้สารกระตุ้น โดยชี้ให้เห็นปัญหาความไม่ชัดเจนของการ
วินิจฉัยโรคตาม DSM-5 ที่ว่า กลุ่มผู้ป่วย stimulant use disorder ซึ่งมียาเสพติดหลายชนิด เช่น โคเคน ยาบ้า
ที่มีรูปแบบการใช้ที่แตกต่าง หลากหลายตั้งแต่น้อยถึงมาก อาการของ impairment และ distress เองก็มีความ
หลากหลาย แต่ที่ขาดไป คือ เกณฑ์วินิจฉัยที่ว่านี้ สัมพันธ์กับปริมาณและความถี่ของการใช้อย่างไร นอกจากนี้
เหตุผลในการใช้เองก็มีความหลากหลาย จนบางทีก็ยากที่ระบุว่ายารักษาแบบใดจึงจะเหมาะสมกับคนกลุ่มไหน
ที่จะใช้อย่างปลอดภัย และได้ผลในการรักษา ในการศึกษา FDA แนะน าให้ใช้ “change in pattern of
stimulant use“ มองว่าดีกว่า “reduction of stimulant use” เพราะค าหลังนี้ดูก ากวม FDA อยากให้ศึกษา
รูปแบบการใช้ยาที่ตอบสนองผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม มากกว่าจ านวนวันที่หยุดใช้ยา นอกจากนี้ FDA ไม่ต้องการให้ใช้
เกณฑ์วินิจฉัยของ DSM-5 ในการติดตามการรักษาเพราะ DSM-5 ใช้วินิจฉัยไม่ใช่ใช้ติดตามการรักษา เกณฑ์ในการ
วินิจฉัยยังไปขึ้นกับการตัดสินใจของผู้สัมภาษณ์ด้วย FDA เห็นว่าอาจต้องหาเครื่องมือในการประเมินผลใหม่
ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในด้านสุขภาพ และการท างาน
20

