Page 328 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 328
318
ตารางที่ 5 (ต่อ)
หมู่บ้าน บทวีดิทัศน์
หมู่ที่ 7 - ในปี พ.ศ. 2550 ผู้ใหญ่บ้านทิพญา แซ่จิว ได้รวมกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อขอสนับสนุน
บ้านชายทะเลกาหลง งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานภาครัฐ ในการแก้ไขปัญหาการ
ต้าบลกาหลง กัดเซาะชายฝั่งของชุมชน
- ภายหลังจากที่มีการสร้างแนวก้าแพงชะลอคลื่น ชาวบ้านมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในทาง
ที่ดีขึ้น เกิดตะกอนดินด้านหลังก้าแพงชะลอคลื่น ปุาชายเลนสามารถหยั่งรากเติบโตได้
สัตว์น้้าเข้ามาอาศัยตามชายฝั่ง ความอุดมสมบูรณ์ค่อยๆ คืนกลับมา ท่ามกลางกระแสของ
คลื่นลมที่สาดซัดเข้าฝั่งทุกวัน แผ่นดินอาจจะจมหายไปทีละน้อย แต่สิ่งเรียนรู้จากการปกปูอง
แผ่นดินจากการกัดเซาะชายฝั่งมาหลายปี คือได้บทเรียนจากการท้าแนวก้าแพงกันคลื่น
ท้าผิด ท้าถูกเราต่างได้เรียนรู้กันไป แกนน้าในชุมชนต่างได้มาตั้งวงร่วมกันคิดหาวิธีการที่
ดีกว่าสร้างสิ่งดีๆ ให้กับชุมชน
หมู่ที่ 4 - เพราะมีประสบการณ์เลวร้ายจากพายุลินดา ท้าให้ชาวบ้านชายทะเลรางจันทร์ หมู่ที่ 4
บ้านชายทะเลราง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ต้องร่วมมือกันต้านภัยน้้าทะเลกัดเซาะ
จันทร์ เนื่องจากความรุนแรงของพายุลินดาครั้งนั้นได้ท้าให้ดอนกระซ้า หรือกองเปลือกหอยขนาดใหญ่
ต้าบลนาโคก ที่ท้าหน้าที่ปกปูองหน้าดินสูญหายไป หลังจากนั้นหน้าดินก็ค่อยๆถูกกลืนเข้าไปในทะเล เขื่อน
หินทิ้งได้ถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เพื่อปูองกันชุมชน ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างก็น้า
หินทิ้งมาปูองกันพื้นที่ของตัวเอง ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงมีประสบการณ์ ด้านการ
ดูแลเขื่อนของตัวเอง และออกแบบเขื่อนรุ่นใหม่ที่มีเสาเข็มยึดด้วยยางรถยนต์ที่ให้ตัวยืดหยุ่น
เป็นฐานราก หล่อคานซีเมนต์ทับด้านบน จากนั้นจึงเสริมเขื่อนด้วยหินทิ้ง ซึ่งเขื่อนผสมผสาน
ตามภูมิปัญญาชาวบ้านนี้ ประสบความส้าเร็จเป็นอย่างดี กักเก็บโคลนดินต้นไม้ขึ้นเองจนต้อง
ตัดออก ในขณะที่แนวไม้ไผ่กลับสร้างปัญหาเป็นกองขยะโดยรอบชุมชนแห่งนี้
หมู่ที่ 5 - พื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านชายทะเลโรงกุ้ง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่
บ้านชายทะเลโรงกุ้ง ประสบปัญหาน้้าทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรงไม่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในขณะที่แนวไม้ไผ่ชะลอ
ต้าบลนาโคก คลื่นอาจสร้างการตกตะกอนดินหลังแนวไม้ไผ่ได้ในพื้นที่นั้นๆ แต่ส้าหรับที่หมู่ที่ 5 แห่งนี้อาจ
ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เนื่องจากดินเลนของที่นี่เมื่อมีการสะสมตัวแล้วมักจะละลายไปกับน้้าฝน
ในฤดูมรสุม ดังนั้นความต้องการของชาวบ้านจึงมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่มั่นคงถาวร และมีประโยชน์
มากกว่าแค่ได้ไม้ไผ่ไปต้มกุ้งหรือสร้างแคร่นั่งเล่น