Page 13 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 13

5





                             ื
                  ๔.๓.๒ กำรย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจศำลตำมมำตรำ ๑๒ ให้คู่ควำมเป็นผู้ยื่นค�ำร้อง โดยน�ำ
            บทบัญญัติมำตรำ ๑0 และมำตรำ ๑๑ มำใช้บังคับโดยอนุโลม และเนื่องจำกกรณีตำมมำตรำ ๑๒ เป็นคดี
            ซึ่งมีข้อเท็จจริงเรื่องเดียวกันฟ้องต่อศำลตั้งแต่สองศำลขึ้นไป คู่ควำมอำจยื่นค�ำร้องต่อศำลได้ดังนี้
                  ก. คู่ควำมซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้อง (จ�ำเลย) ในศำลหนึ่งยื่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลนั้น เช่น จ�ำเลย

            ในศำลแพ่งยื่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลแพ่ง
                            ึ
                                                                                          ั
                  ข. คู่ควำมซ่งเป็นผู้ถูกฟ้อง (จ�ำเลย) ในทุกศำลย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของแต่ละศำลน้น เช่น
                                                         ื
                           ื
            จ�ำเลยในศำลแพ่งย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลแพ่ง และในขณะเดียวกันจ�ำเลยในศำลปกครองกลำง
            ก็ยื่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลปกครองกลำง
                  ค. คู่ควำมซ่งเป็นผู้ฟ้องคดี (โจทก์) ในศำลหน่งย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของอีกศำลหน่งท่ตนเป็น
                                                      ึ
                                                        ื
                                                                                        ึ
                                                                                          ี
                           ึ
                                                                                ี
                                           ื
            ผู้ถูกฟ้อง (จ�ำเลย) เช่น โจทก์ในศำลแพ่งย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลปกครองกลำงท่ตนถูกฟ้องเป็นจ�ำเลย
                           ึ
                  ง. คู่ควำมซ่งเป็นผู้ฟ้องคดี (โจทก์) ในทุกศำลย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของอีกศำลหน่งท่ตนเป็น
                                                                                          ี
                                                                                        ึ
                                                       ื
                                               ื
                                                                                       ี
            ผู้ถูกฟ้อง (จ�ำเลย) เช่น โจทก์ในศำลแพ่งย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลปกครองกลำงท่ตนถูกฟ้อง
                                                             ่
                                                                             �
                                                                �
                                 ี
                                                            ็
            เป็นจำเลย และในขณะเดยวกนโจทก์ในศำลปกครองกลำงกยนคำร้องโต้แย้งเขตอำนำจของศำลแพ่งทตน
                                    ั
                                                             ื
                 �
                                                                                             ี
                                                                                             ่
            ถูกฟ้องเป็นจ�ำเลย
                  จ. คู่ควำมซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดี (โจทก์) และ/หรือคู่ควำมซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้อง (จ�ำเลย) ในศำลหนึ่งต่ำงโต้แย้ง
                                                                         ี
                                       ี
                                    ึ
            เขตอ�ำนำจศำลของอีกศำลหน่งท่ตนเป็นคู่ควำมหรือคู่กรณีอีกฝ่ำย ซ่งกรณีน้ค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจศำล
                                                                   ึ
                                                            ื
            ของคู่ควำมจะรวมอยู่ท่ศำลเดียวกัน เช่น โจทก์ในศำลแพ่งย่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจศำลปกครองกลำง
                               ี
            ที่ตนถูกฟ้องเป็นจ�ำเลย และในขณะเดียวกันจ�ำเลยในศำลแพ่งก็ยื่นค�ำร้องโต้แย้งเขตอ�ำนำจของศำลแพ่ง
                  ๔.๓.๓ กำรยื่นค�ำร้องในกรณีค�ำพิพำกษำหรือค�ำสั่งที่ถึงที่สุดระหว่ำงศำลขัดแย้งกันตำมมำตรำ ๑๔
                              ึ
            ให้คู่ควำมหรือบุคคลซ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจำกค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งของศำลท่ขัดแย้งกันย่นค�ำร้อง
                                                                                ี
                                                                      ั
                                                                                         ื
                                                        ิ
                                                                      ่
                                                                      ั
                                                                               ี
                                                                 ื
                                                                   �
                                                                               ่
                                                                                      ั
                                                                                ั
                                                 �
                                                      �
                           ุ
            โดยตรงต่อเลขำนกำรคณะกรรมกำร พร้อมสำเนำคำพพำกษำหรอคำสงของศำลทขดแย้งกนและส�ำเนำ
            เอกสำรในส�ำนวนควำมที่จ�ำเป็น ๓
                  เลขำนุกำรหรือผู้ช่วยเลขำนุกำรผู้รับผิดชอบส�ำนวนมีอ�ำนำจขอให้ผู้ร้องหรือบุคคลท่เก่ยวข้องช้แจง
                                                                                    ี
                                                                                      ี
                                                                                             ี
                                                  ี
            เพ่มเติม และหำกเห็นว่ำมีข้อเท็จจริงเพียงพอท่คณะกรรมกำรจะพิจำรณำวินิจฉัยค�ำร้องได้แล้ว หรือกำร
              ิ
                                ิ
            ย่นค�ำร้องหรือค�ำช้แจงเพ่มเติมกระท�ำเพ่อประวิงคดี หรือจะท�ำให้กำรพิจำรณำวินิจฉัยล่ำช้ำ จะปฏิเสธไม่รบ
                           ี
              ื
                                            ื
                                                                                              ั
                                ี
                                      ิ
            ค�ำร้องเพ่มเติมหรือค�ำช้แจงเพ่มเติมน้น แล้วสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมำย พร้อมเสนอควำมเห็นต่อ
                    ิ
                                            ั
                           ๔
            คณะกรรมกำรก็ได้
                            ื
                  ๔.๓.๔ กำรย่นค�ำร้องในกรณีอ่นตำมมำตรำ ๑๕ ให้น�ำหลักเกณฑ์และวิธีกำรย่นค�ำร้องข้อ ๔.๓.๑
                                          ื
                                                                                ื
            ถึงข้อ ๔.๓.๓ มำใช้โดยอนุโลม
                  ๓   ข้อบังคับคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล ว่ำด้วยวิธีกำรเสนอเร่อง กำรพิจำรณำและวินิจฉัย
                                                                             ื
                                          ี
                                                      ี
            พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๑๖
                  ๔   ข้อ ๑๖ วรรคสำม แก้ไขเพ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล ว่ำด้วย
                                       ิ
                                                                                 ี
                                                                     ี
            วิธีกำรเสนอเรื่อง กำรพิจำรณำและวินิจฉัย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18