Page 17 - Q15-COJ
P. 17
4.2 ผู้พิพากษาอาวุโส
ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและดำารงตำาแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2560
เมื่อผู้พิพากษามีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปีอาจขอไปดำารง
ตำาแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสได้ และกำาหนดให้ข้าราชการตุลาการซึ่งมีอายุครบ 65 ปี บริบูรณ์ในปีงบประมาณใด
พ้นจากตำาแหน่งที่ดำารงอยู่เมื่อสิ้นปีงบประมาณนั้น และให้ไปดำารงตำาแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสจนกว่าจะ
พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และให้จัดให้มีการประเมิน
การปฏิบัติหน้าที่ โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมและได้รับพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำารงตำาแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์
หรือศาลฎีกา ตามที่ได้รับการแต่งตั้ง และมีอำานาจหน้าที่เข้าร่วมประชุมใหญ่ในศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา
แล้วแต่กรณีตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความ รวมทั้งมีอำานาจตามที่กำาหนดไว้ในพระธรรมนูญ
ศาลยุติธรรมสำาหรับผู้พิพากษาคนเดียว จนกระทั่งมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์
ผู้พิพากษาอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับการแต่งตั้งให้ดำารงตำาแหน่งในทางบริหารได้ เช่น ไม่สามารถดำารง
ตำาแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล หรือปฏิบัติหน้าที่ในตำาแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาล นอกจากนี้
ผู้พิพากษาอาวุโส ไม่มีสิทธิรับเลือกเข้ามาเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
แต่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกรรมการดังกล่าว
4.3 ผู้พิพากษาสมทบ
ผู้พิพากษาสมทบ คือบุคคลภายนอกที่ได้รับเลือกเป็นพิเศษให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้พิพากษา
ในศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน หรือศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ทั้งนี้เพื่อให้มีบุคคลภายนอกที่มีประสบการณ์หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา
และพิพากษาคดีกับผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาสมทบเป็นตำาแหน่งที่แตกต่างจากผู้พิพากษา คือ เป็นตำาแหน่งที่ไม่ใช่ตำาแหน่งประจำา
วาระในการดำารงตำาแหน่งผู้พิพากษาสมทบขึ้นอยู่กับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลชำานัญพิเศษที่ผู้พิพากษาสมทบ
ปฏิบัติงานกำาหนดไว้
16