Page 90 - บทคัดย่อเล่ม 1
P. 90
๘๖
41. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 66/2560
ประเด็นข้อพิพำท : สัญญำร่วมลงทุนและสัญญำระหว่ำงผู้ถือหุ้นมีข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่และใช้บังคับได้
หรือไม่ เพียงใด
คู่พิพำทน ำสืบพยำนแล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่ำ : เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๑
ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ขำยหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้เรียกร้อง จ ำนวน ๔๙๙,๙๙๙ หุ้น รวมรำคำหุ้นเป็นเงินจ ำนวน ๔,๙๙๙,๙๙๐
บำท รวมกับหุ้นสำมัญอีกจ ำนวน ๑ หุ้น ที่ผู้เรียกร้องถืออยู่ก่อนเข้ำซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่ำว รวมทั้งสิ้น จ ำนวน
๕๐๐,๐๐๐ หุ้น ซึ่งผู้คัดค้ำนทั้งสำมต้องปฏิบัติตำมข้อตกลงในส่วนของกำรซื้อหุ้นคืนที่ก ำหนดไว้ในสัญญำร่วมลงทุน
และสัญญำระหว่ำงผู้ถือหุ้น ข้อ ๑๒ โดยผู้ถือหุ้นหลักตกลงที่จะซื้อหุ้นของผู้คัดค้ำนที่ ๑ คืนจำกผู้เรียกร้องตำมที่
ก ำหนดไว้ในสัญญำร่วมลงทุนฯ จนครบถ้วน ภำยในสิ้นเดือนพฤศจิกำยน ๒๕๕๔ จ ำนวน ๑๒๕,๐๐๐ ภำยในสิ้นเดือน
พฤศจิกำยน ๒๕๕๕ จ ำนวน ๑๒๕,๐๐๐ หุ้น และภำยในเดือนพฤศจิกำยน ๒๕๕๖ อีกจ ำนวน ๒๕๐,๐๐๐ หุ้น
โดยผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ ตกลงจะซื้อหุ้นจำกผู้เรียกร้องคืน ในรำคำที่สูงกว่ำ ระหว่ำง (๑)
มูลค่ำตำมบัญชี (Book Value) ของงบกำรเงินเดือนล่ำสุดก่อนกำรซื้อขำย หรือ (๒) รำคำที่ผู้เรียกร้องเข้ำร่วมลงทุน
บวกด้วยผลตอบแทน (Internal Rate of Return หรือ IRR) ตลอดระยะเวลำกำรถือหุ้นของผู้คัดค้ำนที่ ๑ ใน
อัตรำร้อยละสิบห้ำต่อปี (๑๕ %) โดยค ำนวณถึงวันช ำระเงินซื้อหุ้นคืน
ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
อนุญำโตตุลำกำรพิจำรณำตำมทำงน ำสืบพยำนและพยำนเอกสำรหลักฐำนแล้ว เห็นควรวินิจฉัย
ตำมประเด็นข้อพิพำท ดังนี้
กำรที่ผู้เรียกร้องเข้ำร่วมท ำสัญญำร่วมลงทุนฯ กับผู้คัดค้ำนทั้งสำมนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำร
สนับสนุนทำงกำรเงินในรูปแบบเงินร่วมลงทุนให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ มีควำมสำมำรถในกำรบริหำรจัดกำรที่สูงขึ้น ผู้เรียกร้องมิใช่
สถำบันกำรเงินที่จะสำมำรถให้ผู้คัดค้ำนกู้ยืมเงินได้ ในสัญญำร่วมลงทุนฯ ดังกล่ำวประกอบกับค ำเสนอข้อพิพำทของ
ผู้เรียกร้อง จะเห็นได้ว่ำผู้เรียกร้องประสงค์จะได้เพียงผลตอบแทน (IRR) จำกผู้คัดค้ำนเท่ำนั้น มิได้มุ่งประสงค์ในผลก ำไร
จำกกำรประกอบกิจกำรของผู้คัดค้ำนทั้งสำมอย่ำงนักลงทุนทั่วไปแต่อย่ำงใด ข้อสัญญำดังกล่ำวก ำหนดให้เป็นสิทธิแก่
ผู้เรียกร้องฝ่ำยเดียวเท่ำนั้นที่จะเสนอขำยหุ้นของผู้คัดค้ำนที่ ๑ ให้แก่ผู้ลงทุนรำยใหม่หรือไม่ก็ได้ มิใช่ข้อก ำหนดบังคับ
ให้ผู้เรียกร้องต้องเสนอขำยหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดให้กับผู้ลงทุนรำยใหม่ หำกผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ ปฏิเสธไม่ซื้อหุ้นคืน
และกำรเสนอขำยหุ้นของผู้เรียกร้องที่ถืออยู่ให้กับผู้ลงทุนรำยใหม่นั้น เป็นสิทธิของผู้เรียกร้องฝ่ำยเดียวเท่ำนั้น
แม้ผู้เรียกร้องไม่ใช้สิทธิดังกล่ำว ผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ ก็ยังคงผูกพันที่จะต้องซื้อหุ้นคืนจำกผู้เรียกร้องตำมสัญญำ
จึงไม่ใช่สิทธิของผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ ที่จะเลือกซื้อหุ้นคืนหรือไม่ซื้อคืนก็ได้ สัญญำร่วมลงทุนฯ จึงเป็นสัญญำที่มี
เงื่อนไขที่มิได้ขัดต่อควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชนและคู่สัญญำทั้งสองฝ่ำยตกลงท ำสัญญำร่วมลงทุนฯ
กันโดยอิสระเสรีทั้งได้เจรจำต่อรองกันในสำระส ำคัญแล้ว
หลักกำรส ำคัญเกี่ยวกับข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม ตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.
๒๕๔๐ มีเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำว มุ่งคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้ำเป็นคู่สัญญำกับผู้ประกอบธุรกิจกำรค้ำหรือ
วิชำชีพโดยเฉพำะในฐำนะผู้ขำย ผู้ให้กู้ หรือผู้รับประกันภัย ซึ่งมีอ ำนำจต่อรองทำงเศรษฐกิจสูงกว่ำและได้ก ำหนด
ข้อสัญญำเอำเปรียบคู่สัญญำอีกฝ่ำยหนึ่ง ซึ่งท ำให้เกิดควำมไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม รัฐจึงก ำหนดกรอบกำรใช้
หลักควำมศักดิ์สิทธิ์ของกำรแสดงเจตนำและเสรีภำพของบุคคลเพื่อแกไขควำมไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม
ดังนั้น ควำมสัมพันธ์ในกำรท ำสัญญำร่วมลงทุนฯ ระหว่ำงผู้เรียกร้องและผู้คัดค้ำนจึงมิได้ท ำสัญญำในฐำนะผู้บริโภคกับ
ผู้ประกอบธุรกิจ ตำมนัยของพระรำชบัญญัติว่ำด้วยข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรมฯ จึงไม่สำมำรถน ำพระรำชบัญญัติดังกล่ำว
มำปรับใช้ได้ ค ำคัดค้ำนของผู้คัดค้ำนทั้งสำมจึงฟังไม่ขึ้น
ผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ มิได้ด ำเนินกำรซื้อหุ้นคืนภำยในระยะเวลำที่ก ำหนดในสัญญำร่วมลงทุนฯ
ผู้คัดค้ำนทั้งสำมจึงตกเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ เมื่อผู้เรียกร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้ำนที่ ๒ และที่ ๓ ปฏิบัติตำมสัญญำร่วม
ลงทุนฯ แต่ยังคงเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตำมหนังสือดังกล่ำว ผู้เรียกร้องจึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญำแก่ผู้คัดค้ำนทั้งสำม
ซึ่งมีผลท ำให้สัญญำร่วมลงทุนฯ สิ้นสุดลง ดังนั้น ผู้ที่ต้องรับผิดซื้อหุ้นที่ผู้เรียกร้องถืออยู่ทั้งหมดคืน ตำมสัญญำร่วมลงทุนฯ