Page 92 - บทคัดย่อเล่ม 1
P. 92

๘๘


               42. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 101/2560

               ประเด็นข้อพิพำท  :  ๑.  ผู้เรียกร้องมีอ ำนำจยื่นค ำเสนอข้อพิพำทหรือไม่
                                  ๒.  ผู้คัดค้ำนทั้งสองผิดสัญญำร่วมลงทุนกับผู้เรียกร้องหรือไม่

                                  ๓. ผู้คัดค้ำนทั้งสองจะต้องรับผิดโดยกำรซื้อหรือรับโอนหุ้น ช ำระรำคำค่ำหุ้นและค่ำผล
               ตอบแทนให้แก่ผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด

                              คู่พิพำทน ำสืบพยำนแล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่ำ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๕๕
               ผู้เรียกร้องกับผู้คัดค้ำนทั้งสองได้ท ำสัญญำร่วมลงทุนและสัญญำระหว่ำงผู้ถือหุ้น โดยผู้คัดค้ำนที่ ๑ และที่ ๒ รับที่จะ
               ด ำเนินกำรให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ สำมำรถแปรสภำพและจดทะเบียนเป็นบริษัทมหำชนจ ำกัด เพื่อด ำเนินกำรระดมทุนโดย
               กำรเสนอขำยหุ้นสำมัญของผู้คัดค้ำนที่ ๑ ต่อประชำชนและสำมำรถน ำหุ้นสำมัญของผู้คัดค้ำนที่ ๑ เข้ำจดทะเบียนใน

               ตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลำดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) หรือตลำดหลักทรัพย์อื่นใด แล้วแต่กรณี ภำยใน
               วันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๙ โดยผู้คัดค้ำนที่ ๒ จะด ำเนินกำรจัดสรรหุ้นสำมัญของผู้คัดค้ำนที่ ๑ ซึ่งรวมทั้งหุ้นสำมัญของ
               ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ที่ผู้เรียกร้องถืออยู่ทั้งหมดเข้ำกลุ่มที่สำมำรถขำยหุ้นได้ตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ตลำดก ำหนด เพื่อให้
               ผู้เรียกร้องสำมำรถด ำเนินกำรขำยหุ้นได้ก่อน เมื่อผู้เรียกร้องกับผู้คัดค้ำนทั้งสองได้ตกลงเข้ำท ำสัญญำกันแล้ว ผู้เรียกร้อง
               ก็ได้ช ำระเงินเป็นค่ำซื้อหุ้นจ ำนวน ๑๘๑,๙๙๙ หุ้น ในรำคำหุ้นละ ๑๐๐ บำท รวมเป็นเงินจ ำนวน ๑๘,๑๙๙,๙๐๐ บำท
               ให้แก่ผู้คัดค้ำนทั้งสองพร้อมกับกำรรับโอนหุ้นเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันท ำสัญญำ คือ วันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๕๕

               ค ำวินิจฉัยชี้ขำด


                              ประเด็นข้อพิพำทที่ ๑. ผู้คัดค้ำนทั้งสองโต้แย้งว่ำ ผู้เรียกร้องไม่มีอ ำนำจยื่นค ำเสนอข้อพิพำทโดย
               กล่ำวอ้ำงว่ำ เมื่อเงื่อนเวลำตำมสัญญำร่วมทุนยังไม่ถึงก ำหนด ผู้คัดค้ำนทั้งสองจึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัดตำมสัญญำ
               และผู้เรียกร้องจะบอกเลิกสัญญำก่อนเงื่อนเวลำดังกล่ำวเพื่อน ำมำบังคับให้ผู้คัดค้ำนทั้งสองซื้อหุ้นคืนก่อนครบ
               ก ำหนดเวลำตำมสัญญำร่วมลงทุนไม่ได้นั้น เมื่อผู้เรียกร้องกล่ำวอ้ำงว่ำ ผู้คัดค้ำนทั้งสองผิดสัญญำ ผู้คัดค้ำนทั้งสอง
               โต้แย้งว่ำไม่ได้ผิดสัญญำ ประเด็นแห่งเนื้อหำจึงมีว่ำ “ผู้คัดค้ำนทั้งสองผิดสัญญำหรือไม่” จึงท ำให้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น
               เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้ำที่ของผู้เรียกร้องกับผู้คัดค้ำนทั้งสองตำมกฎหมำยแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทำงศำล
               บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศำลส่วนแพ่งที่มีเขตอ ำนำจได้ ตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕๕ ซึ่งกำรเสนอข้อพิพำทต่อ
               อนุญำโตตุลำกำรของผู้เรียกร้องก็เป็นไปในท ำนองเดียวกับกำรเสนอข้อพิพำทต่อศำลที่มีอ ำนำจอย่ำงเดียวกัน

               ค ำคัดค้ำนของผู้คัดค้ำนทั้งสองฟังไม่ขึ้น ผู้เรียกร้องจึงมีอ ำนำจเสนอข้อพิพำทต่ออนุญำโตตุลำกำรได้
                              ประเด็นข้อพิพำทที่ ๒. ข้อสัญญำหมำยควำมว่ำ ในระหว่ำงสัญญำผู้คัดค้ำนที่ ๒ ในฐำนะเป็น
               ผู้ถือหุ้นหลักและเป็นผู้บริหำรสูงสุดของผู้คัดค้ำนที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคล มีหน้ำที่ตระเตรียมควำมพร้อมในกำรที่จะแปร
               สภำพบริษัทผู้คัดค้ำนที่ ๑ ให้เป็นบริษัทมหำชนจ ำกัด เพื่อกำรน ำหุ้นหรือกิจกำรของผู้คัดค้ำนที่ ๑ เข้ำจดทะเบียนและ
               ท ำกำรซื้อขำยหุ้นในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือตลำดหลักทรัพย์อื่นใด โดยสภำพและลักษณะของธุรกิจ
               คู่พิพำทย่อมรู้ได้ดีว่ำกำรที่บริษัทมหำชนจ ำกัดใดจะเข้ำไปเป็นผู้จดทะเบียนและท ำกำรเสนอขำยหรือซื้อหุ้นในตลำด
               หลักทรัพย์ได้นั้น จะต้องปรำกฎผลประกอบกำรดีอย่ำงต่อเนื่อง และธุรกิจเป็นที่น่ำไว้วำงใจของประชำชน แม้ตำม
               สัญญำจะก ำหนดไว้ว่ำ ให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ สำมำรถแปรสภำพและจดทะเบียนเป็นบริษัทมหำชนเพื่อด ำเนินกำรระดมทุน

               ภำยในวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๙ กำรที่ผู้เรียกร้องน ำข้อพิพำทนี้มำเสนอต่ออนุญำโตตุลำกำรก่อนถึงก ำหนด คือ วันที่
               ๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ ก็โดยอำศัยข้อเท็จจริงที่ปรำกฎว่ำได้มีกำรผิดสัญญำเกิดขึ้นแล้ว เพรำะผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยังไม่ได้
               กระท ำกำรใดที่เป็นกำรตระเตรียมควำมพร้อมในกำรที่จะแปรสภำพผู้คัดค้ำนที่ ๑ จำกกำรเป็นบริษัทเอกชนจ ำกัดให้เป็น
               บริษัทมหำชนจ ำกัด แต่กลับได้ควำมว่ำ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ในฐำนะส่วนตัวและในฐำนะตัวแทนของ นำย อ. ซึ่งถือหุ้นรวมกัน
               จ ำนวน ๒๖๒,๐๐๐ หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๙.๑๐ มีมติอนุมัติให้เลิกบริษัทผู้คัดค้ำนที่ ๑ ได้ และอนุมัติกำรขำย
               สินทรัพย์เพื่อช ำระหนี้ได้ ซึ่งกำรกระท ำของผู้คัดค้ำนที่ ๒ ดังกล่ำว ถือได้ว่ำเป็นกำรประพฤติผิดสัญญำที่ได้ก ำหนดกัน
               ไว้ว่ำ “ผู้ถือหุ้นหลัก ในฐำนะผู้บริหำรของผู้คัดค้ำนที่ ๑ จะต้องใช้ควำมพยำยำมอย่ำงเต็มที่ในกำรด ำเนินธุรกิจของ
               ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ให้ประสบควำมส ำเร็จ ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต รอบคอบ และจ ำต้องใช้ควำมระมัดระวัง และผีมือเยี่ยง
               ผู้มีวิชำชีพในกิจกำรเช่นว่ำนั้นพึงปฏิบัติ” ผู้คัดค้ำนทั้งสองเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ
   87   88   89   90   91   92   93   94