Page 98 - 2553-2561
P. 98

ค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๒๓/๒๕๕๓                     ศาลจังหวัดพัทยา

                                                                                           ศาลปกครองระยอง



                  พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ (มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑))
                  พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒

                  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



                           คดีที่เอกชนยื่นฟ้องหน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนด้วยกันว่า โจทก์เป็นผู้จะ
                  ซื้อห้องชุดจากผู้จะขาย แต่ผู้จะขายไถ่ถอนจ�านองห้องชุดและโอนขายให้แก่จ�าเลยที่ ๕ และจ�าเลยที่ ๕

                  จดทะเบียนจ�านองห้องชุดไว้กับจ�าเลยที่ ๔ โดยจ�าเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นเจ้าพนักงานผู้ท�าการจดทะเบียน

                  ให้ อันเป็นการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุดซึ่งยังมิได้มีการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด
                  ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐ ตกเป็นโมฆะ
                  และวงเงินจ�านองสูงกว่าเดิม จ�าเลยที่ ๓ จดทะเบียนจ�านองโดยรู้อยู่แล้วว่าขัดต่อกฎหมาย ท�าให้โจทก์และ

                  ผู้จะซื้อทุกรายเสียหาย ขอให้มีค�าสั่งหรือค�าพิพากษาว่า การจดทะเบียนจ�านองห้องชุดระหว่างจ�าเลยที่ ๔

                  กับที่ ๕ ตกเป็นโมฆะ และให้เพิกถอนการจดทะเบียนจ�านอง ให้จ�าเลยที่ ๕ คืนหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่
                  ผู้จะขาย หากเพิกเฉย ขอให้จ�าเลยที่ ๑ ออกหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับใหม่ให้แก่ผู้จะขาย เห็นว่า แม้โจทก์
                  จะฟ้องจ�าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ โดยอ้างว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน นิติกรรมโอนขาย จ�านอง

                  ทรัพย์ที่พิพาทโดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงดังที่

                  โจทก์อ้าง เป็นเพียงข้ออ้างแห่งข้อหา ซึ่งในเรื่องนี้ ศาลจ�าต้องพิจารณาให้ได้ความว่า การที่ผู้จะขายท�าการไถ่ถอน
                  จ�านองและจดทะเบียนโอนขายทรัพย์ที่พิพาทให้แก่จ�าเลยที่ ๕ แล้วจ�าเลยที่ ๕ น�าไปจดทะเบียนจ�านองไว้กับ
                  จ�าเลยที่ ๔ ในวงเงินจ�านองที่สูงขึ้นนั้นเป็นการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับ

                  อสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนหรือไม่

                  แล้วจะมีค�าพิพากษาหรือค�าสั่งอันมีผลให้กรรมสิทธิ์หรือทรัพยสิทธิในทรัพย์พิพาทเปลี่ยนแปลงไประหว่างโจทก์
                  กับจ�าเลยที่ ๔ และที่ ๕ ซึ่งเป็นเอกชนด้วยกันเอง ดังนั้นข้อพิพาทในคดีนี้จึงอยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาของ
                  ศาลยุติธรรม
























                                                                   รวมย่อค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่น่าสนใจ
                                                                                           พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๑ 97
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103