Page 99 - 2553-2561
P. 99

ค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๕๓/๒๕๕๓                      ศาลจังหวัดพัทยา

                                                                                      ศาลปกครองระยอง



             พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ (มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑))
             พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒

             ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



                      คดีที่เอกชนยื่นฟ้องหน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนด้วยกันว่า โจทก์ทั้งห้าเป็น
             ผู้จะซื้อห้องชุดจากผู้จะขาย แต่ผู้จะขายไถ่ถอนจ�านองห้องชุดและโอนขายให้แก่จ�าเลยที่ ๕ และจ�าเลยที่ ๕

             จดทะเบียนจ�านองห้องชุดไว้กับจ�าเลยที่ ๔ โดยจ�าเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นเจ้าพนักงานผู้ท�าการจดทะเบียน

             ให้ อันเป็นการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุดซึ่งยังมิได้มีการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด
             ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐ ตกเป็นโมฆะ และ
             วงเงินจ�านองสูงกว่าเดิม จ�าเลยที่ ๓ จดทะเบียนจ�านองโดยรู้อยู่แล้วว่าขัดต่อกฎหมายท�าให้โจทก์ทั้งห้าและผู้จะ

             ซื้อทุกรายเสียหาย ขอให้มีค�าสั่งหรือค�าพิพากษาว่าการจดทะเบียนจ�านองห้องชุดระหว่างจ�าเลยที่ ๔ กับที่ ๕

             ตกเป็นโมฆะ และให้เพิกถอนการจดทะเบียนจ�านอง ให้จ�าเลยที่ ๕ คืนหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ผู้จะขาย
             หากเพิกเฉย ขอให้จ�าเลยที่ ๑ ออกหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับใหม่ให้แก่ผู้จะขาย เห็นว่า แม้โจทก์ทั้งห้าจะ
             ฟ้องจ�าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ โดยอ้างว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียนนิติกรรมโอนขาย จ�านอง

             ทรัพย์ที่พิพาทโดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงดังที่

             โจทก์ทั้งห้าอ้าง เป็นเพียงข้ออ้างแห่งข้อหา ซึ่งในเรื่องนี้ศาลจ�าต้องพิจารณาให้ได้ความว่า การที่ผู้จะขายท�าการ
             ไถ่ถอนจ�านองและจดทะเบียนโอนขายทรัพย์ที่พิพาทให้แก่จ�าเลยที่ ๕ แล้วจ�าเลยที่ ๕ น�าไปจดทะเบียนจ�านอง
             ไว้กับจ�าเลยที่ ๔ ในวงเงินจ�านองที่สูงขึ้นนั้นเป็นการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิ

             อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ทั้งห้าผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตน

             ได้อยู่ก่อนหรือไม่ แล้วจะมีค�าพิพากษาหรือค�าสั่งอันมีผลให้กรรมสิทธิ์หรือทรัพยสิทธิในทรัพย์พิพาทเปลี่ยนแปลง
             ไประหว่างโจทก์กับจ�าเลยที่ ๔ และที่ ๕ ซึ่งเป็นเอกชนด้วยกันเอง ดังนั้นข้อพิพาทในคดีนี้จึงอยู่ในอ�านาจพิจารณา
             พิพากษาของศาลยุติธรรม
























                รวมย่อค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่น่าสนใจ
           98   พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๑
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104