Page 17 - Q11 -
P. 17

17





                 เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ข้อนี้คนที่เราปรารถนาจะ

  อยู่ระดับเดียวกับเรา


                 กรุณา คือ ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ คนที่เราอยากให้เขาพ้นทุกข์


  เขาจะแย่กว่าเรา ข้อนี้ยิ่งใช้ง่ายเพราะคนส่วนมากเป็นคนขี้สงสาร

                 มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี เช่น เขามีความเจริญก้าวหน้า


  ทางการงาน ได้รับรางวัลฯลฯ ซึ่งในกรณีนี้คนที่เรายินดี เขาจะอยู่ในสภาวะที่


  เหนือกว่าเรา มุทิตาจึงเป็นสิ่งที่ท าได้ยากมากเพราะหลายคนพอเห็นคนอื่นได้


  ดีกว่าเรา ก็จะพาลอิจฉาริษยาหรือไม่พอใจ ดังนั้น ถ้าเราสามารถน ามุทิตามาใช้


  ในชีวิตประจ าวันได้ เราจะมีความสุข

                 อุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย ในที่นี้หมายถึงการวางใจเป็นกลาง


  หลักธรรม ข้อนี้ส าคัญมากหากเรามีเมตตา


                 กรุณามุทิตาแต่ไม่มีอุเบกขาแทนที่จะท าบุญอาจกลายเป็นท าบาปไป

  ก็มียกตัวอย่างเช่นแม่รักลูกมากแต่ลูกขายยาเสพติดลูกมาขอให้แม่ช่วยเหลือ


  หากเราไม่มีอุเบกขา ก็คงช่วยเหลือปล่อยให้ลูกขายยาเสพติดแต่ช่วยปกปิด แต่


  หากเราคิดได้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงจะรักมากแค่ไหนก็ตามเขาก็ต้องได้รับ


  ผลจากการกระท าของเขา เพราะฉะนั้น จะใช้ เมตตา กรุณา มุทิตา ให้ถูกต้องก็


  ต้องใช้คู่กับอุเบกขา









      ธรรมะที่ว่าด้วย ปัจจัย 4 ประการนี้ อันได้แก่ อริยสัจ 4 อิทธิบาท 4


       และพรหมวิหาร 4 หากเราสามารถน าไปใช้ได้และลงมือปฏิบัติจริง


               เชื่อว่าเราจะมีความสุขขึ้นอีกมาก “งานได้ผล คนมีสุข”
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22