Page 106 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 106

38
เพราะฉะนน้ั เวลาเราเดนิ สงั เกตแมแ้ ตก่ ารเดนิ ของเรา เวลาเราเดนิ จงกรมใหม่ ๆ กจ็ ะมรี ปู เทา้ มรี ปู เท้ามีตัว พอสติมีกาลังมากข้ึนเท้าหายเหลือแต่อาการ ตัวหายไปเหลือแต่อาการ น่ันคือการเพิกฆนบัญญัติ ทาไมเราเพิกฆนบัญญัติได้ เพราะการที่รู้อย่างไม่มีตัวตนนี้แหละ รับรู้ด้วยความรู้สึกท่ีไม่มีเราด้วยจิตที่ว่าง น่ีแหละ มีความเป็นรูปร่างของตัวจึงหายไปว่างไปได้เหลือแต่อาการท่ีกาลังปรากฏ ตรงนี้อาการน้ีเขาเรียก เหลือแต่สภาวธรรมท่ีเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ ธรรมชาติของเขาจริง ๆ เกิดข้ึนต้ังอยู่ดับไป
สังเกตไหมปรมัตถธรรมคือบรมธรรม ธรรมอันย่ิงใหญ่ ปรมะ บรม กลายเป็นปรมัตถธรรม- บรมอัตถธรรม อัตถะใช่ไหม ปรมัตถะเห็นไหม ใช่เหรอ! เอ่อน่ีนะต้องถามท่านดอกเตอร์ คาว่าบรมใหญ่ แคไ่ หน ความยงิ่ ใหญ่ ทา ไมถงึ เรยี กวา่ ยงิ่ ใหญเ่ พราะเมอื่ ไหรใ่ ครกต็ าม ทเ่ี หน็ เขา้ ถงึ ความเปน็ ปรมตั ถอ์ ยา่ งนี้ เมื่อไหร่ใครก็ตาม จิตที่เขาถึงปัญญาเห็นสภาวธรรมที่เป็นจริงข้อนี้ อกุศลไม่สามารถเกิดได้เลย นั่นจึงเป็น จิตที่เป็นมหากุศล เป็นจิตที่พิเศษเกิดจากปัญญาในการเข้าไปพิจารณากาหนดรู้ตามความเป็นจริง และ เห็นอย่างนั้นเมื่อไหร่ จิตจะผ่องใสจิตจะปราศจากอกุศลจากกิเลสโลภะโทสะโมหะทั้งปวงแม้ชั่วขณะ หนึ่ง ๆ ก็ตาม แม้ชั่วขณะหนึ่ง ๆ ก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่เข้าใจหรือถ้าเราสติอ่อนลง ความเป็นบัญญัติ กลับมาสู่บัญญัติ มันก็จะเป็นอาการเกาะให้เป็นที่อาศัย
แตเ่ มอื่ ปญั ญา...อนั นสี้ าคญั นะ แตเ่ มอื่ ปญั ญาเคยไดเ้ หน็ ถงึ อาการเกดิ ดบั ทเี่ ปน็ ปรมตั ถแ์ ลว้ เขาจะ กลับมาสู่บัญญัติไม่นาน แป๊บหนึ่ง แป๊บหนึ่งนี่ประมาณสัก ๒ วัน ๓ วัน หรืออาทิตย์หนึ่ง หรือแป๊บเดียว บางคนทที่ า เพราะวา่ เคยเหน็ แลว้ เคยเขา้ ถงึ ปรมตั ถแ์ ลว้ พอกลบั มาเปน็ บญั ญตั ปิ บุ๊ ไมเ่ ขา้ ใจวา่ การเขา้ สปู่ รมตั ถ์ ทา ใหต้ วั เองอสิ ระ กม็ าคลกุ คลอี ยกู่ บั อารมณบ์ ญั ญตั ิ ไมย่ กจติ ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะยกจติ ตวั เองใหอ้ ยใู่ นสถานะที่ เกิดความอิสระความสบาย เข้าไปสู่ความเป็นมหากุศลของจิตตัวเอง ปล่อยมันทิ้งไป ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ อยู่กับอารมณ์ที่เป็นบัญญัตินี้แหละ ฉันจะเอาให้มันสะใจก่อน
ความเป็นบัญญัติตรงนี้ อยู่กับบัญญัติจนเกิดความชานาญ อยู่นานเท่าไหร่มันก็เริ่มพอกพูน ๆ ยิ่ง คิดยิ่งพอกพูน กลายเป็นว่าหาทางออกไม่ได้ แล้วทีนี้จะทาอย่างไรถึงจะไปสู่ปรมัตถ์เหมือนเดิมอีก พอมัน เกิดขึ้นมาก ๆ เหนื่อยเข้าก็จะรู้สึกว่าเราคงไม่มีกาลัง เราคงไม่มีกาลัง เราไม่มีปัญญาเราไม่มีบุญ สติของเรา ไม่พอ ไม่หรอก! ปัญญาเราไม่พอไม่ใช่บุญไม่พอ มีบุญแต่ขาดปัญญา มีสติแต่ขาดปัญญา มีสมาธิแต่ขาด ปัญญา ตรงนี้สติสมาธิแต่ขาดปัญญามานาพา เรารู้นะตรงไหนเรียกสติ สามัญสติ มีสติรู้ว่ากาลังคิดเรื่องที่ ไม่ดีอยู่ เจตนาที่จะคิดชัดเจน แต่ไม่มีปัญญาที่จะแก้หรือไม่มีเจตนาที่จะออก ไม่รู้ว่านั่นคือทุกข์โทษกาลัง เกิดขึ้น นั่นคือสิ่งที่กาลังทาอยู่ ทาให้เป็นโทษกับตัวเอง เป็นโทษกับจิตตัวเอง
พอมปี ญั ญาขนึ้ มาเราเคยเหน็ สภาวะแลว้ เราเคยเหน็ ถงึ ความไมม่ ตี วั ตน ไมม่ อี ะไรแลว้ ทเี่ ราจะรวม มากอง ๆ ๆ ขึ้นมาที่ทาให้เราทุกข์ มันเป็นอะไร มันเป็นกองขยะหรือเปล่า เป็นกองขยะของอารมณ์ เราเคย ชาระให้สะอาดกว่านั้น ให้เบาบางให้โล่งให้โปร่งให้เบาให้ผ่องใสแล้ว ทาไมเราต้องดึงเข้ามาให้เป็นกองขยะ อารมณ์ สมุ อยใู่ นจติ ใจของเรา...เชอื้ โรค กองขยะเปน็ ทอี่ าศยั ของเชอื้ โรค เชอื้ โรคอะไรตามมา เดยี๋ วหงดุ หงดิ ราคาญ เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็กลัววิตกกังวลหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาไม่สงบ เพราะมีเชื้อโรค


































































































   104   105   106   107   108