Page 104 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 104
36
พออารมณ์หยาบเกิดขึ้นมา ถ้าจิตเราละเอียดกว่านั้น ถ้าอารมณ์หยาบ ๆ ที่เคยปรากฏขึ้นก็จะไม่รับก็จะอยู่ ข้างนอกเอง นี่คือการพัฒนาจิตของเรา เพราะฉะนั้นการรับรู้อารมณ์ ป้องกันอารมณ์ป้องกันแบบนี้ ต้อง ใช้บ่อย ๆ ใช้บ่อย ๆ อาจารย์เหลือบมองนาฬิการู้สึกว่ามันนาน รู้สึกว่าวันนี้ทาไมพูดแป๊บเดียวเองเพิ่ง ๓๐ นาทีเอง ทาไมนานจัง เข้าใจขึ้นนะ จริง ๆ แล้ว เป็นสิ่งที่ควรทา
ธรรมะท่านแม่ครูสอนไว้ยังมีในหนังสือมิติธรรม มองผ่านบรรยากาศ มองผ่านบรรยากาศของ ความรู้สึกของเรา ยืนอยู่ในบรรยากาศ นั่งอยู่ในบรรยากาศ ฟังเสียงผ่านบรรยากาศ ที่จริงแล้วประโยชน์ อันหนึ่งที่จะทาให้อานิสงส์ที่เกิดขึ้นก็คือว่า เราจะได้เห็นตัวเองมากขึ้น และเข้าถึงสภาวธรรมปรมัตถ์ได้ง่าย เห็นอาการพระไตรลักษณ์การเกิดดับได้ง่ายขึ้น อารมณ์ที่เกิดขึ้นในความว่างเขาจะตั้งอยู่ได้ไม่นาน เขาจะ เกิดเราจะเห็นการเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับไปเกิดแล้วดับไป อายุอารมณ์สั้นลงด้วย เมื่ออายุอารมณ์สั้นลง ปัจจัยที่เป็นที่ตั้งของการเข้าไปยึดมั่นถือมั่นเขาสั้นลงด้วย เขาเรียกสัญญาสังขารเป็นที่ตั้งแห่งความยึด สัญญาขันธ์สังขารขันธ์เป็นที่ตั้งของการยึดมั่นถือมั่น ถ้าเขาสั้นลงเขาตั้งได้น้อย การเข้าไปยึดก็ไม่ทันยึด ได้น้อยก็หมดแล้ว ยึดได้ไม่นานก็หมดยึดได้ไม่นานก็ดับ อายุเขาก็สั้นลงไปเรื่อย ๆ
เมื่ออุปาทานสั้นลง ลองดูว่าเมื่อการยึดหรืออุปาทานสั้นลง ๆ สภาพจิตเป็นอย่างไร นั่นคือผลที่ ตามมาที่เราต้องรู้ว่า เมื่ออุปาทานสั้นลงสภาพจิตเป็นอย่างไร จิตดวงนั้นหรือเรารู้สึกอย่างไร ดีหรือไม่ดี อย่างไร นั่นคือผลที่เกิดขึ้นมา เราจะรู้สึกได้ทันที นี่คือการพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น แต่มีลักษณะที่ บอกวา่ อยากมนั่ คงไมห่ วนั่ ไหวกบั อารมณท์ เี่ ขา้ มากระทบทงั้ หมดแตก่ ม็ ตี วั เรา สงั เกตนะใครกต็ ามยงิ่ มตี วั ตน ใหญ่เท่าไหร่ ลองดู จะหวั่นไหวเร็วมากเลย มีอะไรขึ้นมานิดหนึ่งก็หวั่นไหว นิดหนึ่งก็วิตกนิดหนึ่งก็กังวล ไปหมดเพราะตัวตนใหญ่ พอไม่มีตัวตน เอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก ตัวตนออกกลายเป็นว่าเหลืออะไร เหลือธรรมชาติความเป็นอนัตตา
นี่แหละบางครั้งธรรมะที่สอนไป อาจารย์จึงบอกว่าธรรมะที่สอนไป เราเข้าใจนิดเดียว ธรรมะที่เข้า ถึงมีประโยชน์กว้างขวางพิสดารมาก แต่ถ้าเราไม่รู้จักพิจารณา สังเกตรู้กาหนดรู้อย่างที่พูดมาแล้วนี่นะ เรา จะรู้สึกเหมือนมันแค่ว่าง ๆ เบา ๆ วันนี้เบาน้อยหน่อยวันนี้สงบมากหน่อย วันนี้สงบอย่างเดียวไม่เบาเลย กลายเป็นว่าเบามากไปก็ไม่ดี สงบมากไปก็ไม่ค่อยดี จริง ๆ นี่คือการพิจารณาธรรม ลองดูสิสภาวะเหล่านี้ แม้แต่ความว่างบางครั้งเรายังบอกไม่ถูก บางคนถ้าไม่พิจารณาถึงการแยกรูปนาม บอกไม่ได้จิตที่ว่างเป็น อย่างไร จิตที่เบาเป็นอย่างไร จิตที่สงบว่างจากตัวตนเป็นอย่างไร...ไม่รู้ เห็นไหม
เหมือนกับสภาวธรรมธรรมดาแต่ทาไมการเข้าถึงได้ยาก ทาไมถึงว่าเราไม่เข้าใจสักที สภาวธรรมที่ เกิดขึ้นมีอานิสงส์แค่ไหน มีประโยชน์มากแค่ไหน มีความสาคัญแค่ไหนกับชีวิตเรา เพราะจิตดวงนี้จึงถาม ว่า ถ้าจิตดวงนี้เกิดขึ้นรู้สึกดีไหม ดีไหมชีวิตแบบนี้ดีไหม ไม่ได้มีชีวิตอยู่ในวัดนะ ชีวิตที่มีจิตตรงนี้เกิดขึ้น รองรับอยู่ ในชีวิตของเราถ้าจิตแบบนี้เป็นตัวทาหน้าที่ดีไหม ถ้าถามว่าเรายึดได้ไหม ไม่ต้องยึด ให้รู้ดูให้ชัด พัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น แล้วก็สาคัญเลยนะ จิตแบบนี้จะหายไปเขาจะดับไป ดับเมื่อมีอกุศลเกิด ถ้าเผลอ ปล่อยมีตัวตนขึ้นมาก็จะแคบทันที พอมีตัวตนเกิดขึ้น จากที่กว้างเท่าจักรวาลเหลือแค่นิดเดียว ลองดูสิจิต