Page 489 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 489

421
โต้ตอบ กับการกระทา โต้ตอบออกไปกับผัสสะ ที่เกิดขึ้นทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่นะ ผัสสะปฏิกิริยา โต้ตอบนั้น เรียกอะไร เรียกกรรม
กรรมที่เกิดขึ้น ประกอบทั้งเจตนาและไม่เจตนา ที่เรารู้สึกว่าอากัปกิริยา คาพูด กิริยาทางกายที่ เกิดขึ้น บางครั้งมีเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ที่เราขออโหสิกรรม จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม เห็นไหม เรา จะใช้คานี่นะ เพื่ออะไร...ป้องกัน พูดรวมเพื่อที่ว่า บางครั้งนี่นะ การกระทาคาพูดของเรา บางทีไม่ประกอบ ด้วยเจตนา จริง ๆ แล้วเจตนา แต่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เจตนา...แต่ว่าสติรู้ไม่ทันถึงอากัปกิริยาของตัวเอง รู้ไม่ทันอาการกระทาของตัวเอง เจตนาที่จะทา แต่ไม่รู้ว่าทาออกไปแล้ว เพราะอะไร สังเกตดูง่าย ๆ เวลาเรา ไมพ่ อใจนนี่ ะ เวลามคี วามโกรธมาก ๆ เวลาแสดงอารมณอ์ อกไป มเี จตนาไหม...มี แตไ่ มม่ กี า ลงั ทจี่ ะยบั ยงั้ เขา
เพราะอะไร เพราะสติเรา จิตของเรา สติของเราไม่มีกาลัง กาลังของสติเราอ่อน แต่กาลังของกิเลส มีกาลังมาก กาลังของปัญญามาไม่ทัน สงสัยกาลังของปัญญามีกาลังน้อยกว่ากิเลส แล้วก็แสดงออกไป พอแสดงออกไปเสร็จ กลับรู้สึกว่า...เสียใจภายหลังว่า เราไม่น่าทาอย่างนั้นเลย ไม่น่าทาอย่างนั้น ถ้ารู้สึก เสียใจภายหลังก็ยังดี ยังมีปัญญาระลึกรู้ได้ว่า สิ่งที่ทานะไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่ถ้าไม่มีปัญญาอีกล่ะ ทา ออกไปแล้ว รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต่อไปก็ทาซ้า เกิดอีก ทาซ้าอีก ๆ ก็กลายเป็นการทากรรมซ้า ๆ แล้ว ผลที่ตามมา...
นี่แหละวัฏฏะ วัฏจักร การเวียนว่ายตายเกิด ผัสสะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ชีวิตเราก็วนเวียนอยู่กับสิ่งนี้ กลายเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น การที่มีสติกาหนดรู้ถึงอาการเกิดดับ อย่างที่บอกแล้วว่า วิปัสสนา ปัญญา เพื่อที่จะรู้ถึงสัจธรรม คาสอนที่พระองค์ตรัสเอาไว้ว่า ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สังขาร ทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ให้เห็นด้วยตา ปัญญาของตัวเอง สังเกตดู เมื่อไหร่ที่เห็นด้วยตาปัญญาของตัวเอง จิตก็จะว่างทันที
อย่างที่บอก พูดให้ฟังว่า แม้แต่คาว่า สัมมาทิฏฐิ การเห็นชอบนี่นะ ความเห็นที่ถูกต้อง เห็นแล้ว ทุกข์ไม่เกิด เห็นอะไร เห็นถึงความเป็นคนละส่วน ระหว่างรูปกับนาม รูปนามแยกกันนี่นะ เมื่อไหร่ที่เห็น อย่างนี้ ทุกข์ก็ไม่เกิด เมื่อไหร่ที่เห็นว่าเป็นเราปึ้บ ความทุกข์ก็มา ลองพิสูจน์ง่าย ๆ เอาความรู้สึกว่าเป็นเรา มาใส่ตัวนี่นะ ลองดูว่าตัวรู้สึกเป็นอย่างไร...หนัก เอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก เห็นไหม ละอัตตาปึ้บ ก็เบา โล่งแล้ว แสดงว่าที่เราแบกอยู่ทุกวัน ไม่ได้แบกของหรอก ใช่ไหม เอ่อ! แบกตัวตน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีรูปร่าง
สังเกตไหม คาว่าอัตตานี่นะ ไม่มีรูปร่างเลย แต่พอใส่เข้ามากลับหนักทันที พอเอาความรู้สึกว่าเป็น เราออก ก็เบา เป็นแค่ความรู้สึกหนึ่ง ความรู้สึกนี้คืออะไร ความเข้าใจ ความรู้ ปัญญา ที่คิดว่า เข้าใจไปว่า เป็นตัวเรา เป็นของเราเท่านั้นเอง พอไม่มีเราปึ้บ ความเบาก็เกิดขึ้น แสดงว่าการปล่อยวาง เราควรปล่อย อะไร...ตัวตน อวิชชา ดับตัวตนเสีย จิตจะได้อิสระ จิตจะได้เบาขึ้น ถ้าไม่ย้อนมา สภาวะที่เราเห็นนี่นะ พูด ไปมันจะยิ่งห่าง ยิ่งไกลขึ้น จะเข้าใจยาก แต่สภาวะที่เราปฏิบัติ ที่เราทาอยู่นี่นะ เป็นตัวบอกว่าเราสามารถ ทาได้ เราสามารถตัดภพชาติได้ด้วยตัวเราเอง ไม่ต้องรอใคร ใช้สติ สมาธิ ปัญญา พิจารณาถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของอารมณ์ปัจจุบัน ไม่ต้องไปหาไกล


































































































   487   488   489   490   491