Page 10 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 10

188
ตั้งอยู่นานด้วย ยิ่งไม่ยึดยิ่งตั้งอยู่นาน ยิ่งยึดยิ่งตั้งอยู่ไม่นาน พยายามยึดเขาจะหายไป มีตัวตนเมื่อไหร่ก็ หาย ลองสังเกตนะว่า เมื่อไหร่ที่จิตไม่มีตัวตน บุญเกิดขึ้นได้ง่ายมาก แต่เมื่อไหร่ที่มีตัวตนปึ๊บ พลังของ ความเป็นกุศลจะดับลงเร็ว พลังของความเป็นอกุศลจะเข้ามาแทน
จติ ฝา่ ยกศุ ลจะเกดิ ขนึ้ ไดง้ า่ ย กเ็ มอื่ ละอตั ตา ความเปน็ ตวั ตนหายไป เพราะฉะนนั้ ความสขุ กเ็ กดิ ขนึ้ ได้ง่าย ความสงบก็เกิดขึ้นได้ง่าย ความเมตตาก็เกิดขึ้นได้ง่าย ความผ่องใสก็ชัดเจน ความสะอาดก็ชัดเจน เห็นจิตเราสะอาดขึ้น ใสขึ้นได้ นี่คือความผ่องใสของจิต นี่คือความเป็นกุศลของจิตเรา เพราะฉะนั้น เวลา ปฏิบัติธรรมจึงให้ดูสภาพจิต-ดูอาการ... ดูสภาพจิต-ดูอาการ... อาจารย์พยายามย่อลงมาให้สั้นมากเลยนะ ไม่ต้องไปกังวลมาก ดูอาการเกิดดับเปลี่ยนแปลงไปยังไง สภาพจิตเป็นยังไง อาการเกิดดับของความคิด ของเสียง ของเวทนา ของขันธ์ต่าง ๆ เกิดดับต่างจากเดิมอย่างไร สภาพจิตเปลี่ยนไปอย่างไร แค่นั้นเอง! ง่าย ๆ เลย
ไอ้เราก็ อันนี้เรียกว่าอะไร อันนี้เรียกขันธ์ อันนี้สังขาร อันนี้สัญญา... มัวแต่กังวลตรงนี้ ก็เลยทาให้ สภาวะที่เกิดขึ้นบางทีก็สะดุด ๆ สะดุดเพราะคาถามของเราเอง ถามแล้วก็ตอบไม่ได้ ถ้าจะถาม พอออกมา จากกรรมฐานแล้วมาทบทวนได้เลย เมื่อกี้เป็นอย่างไร ทบทวนแบบนั้นได้ เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า เวลา ปฏิบัติธรรมห้ามคิด เวลาเจาะสภาวะห้ามคิดเลยนะ ไม่เคยได้ยิน ? คนเจริญวิปัสสนาต้องเคยได้ยิน “อย่า คิด! อย่าคิด!” เพราะฉะนั้น เราจึงติดคาว่า มันคิดอีกแล้ว มันคิดอีกแล้ว... เราก็เลย เอ๊ะ! ทาไมคิดอีกแล้ว เราก็จะรู้สึกไม่ดี
สภาวะตรงไหนที่ควรคิด ? อะไรที่ไม่ควรคิด ? อะไรที่ไม่ต้องคิด ? สภาวธรรมที่เกิดขึ้น หนึ่ง... ไม่ควรปรุงแต่งคิดเอาเองว่า มันน่าจะเป็นอย่างนั้น มันน่าจะเป็นอย่างนี้ มันต้องเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็น อย่างนี้ คือให้พิจารณาจริง ๆ ว่าขณะนี้เขาเป็นแบบนี้นะ เขาเปลี่ยนเป็นอย่างนี้แล้วนะ จิตใจเป็นอย่างนี้ ความคดิ มนั เกดิ แลว้ ดบั แบบนี้ เกดิ แลว้ เปลยี่ น เปลยี่ นไปแบบน.ี้ .. อนั นคี้ อื เราไมต่ อ้ งคดิ เลย คอื เหน็ จรงิ ๆ ตรงนี้มันจะพ้นจากการปรุงแต่งเอาเอง ให้รู้ชัด ๆ ไปเลย อย่าคิดเอา!
มาถงึ คาวา่ เจาะสภาวะ เวลาเจาะสภาวะ ขณะทเี่ รามงุ่ ไปทอี่ าการเกดิ ดบั ของพองยบุ มงุ่ แลว้ กด็ บั ๆ ดับ ๆ ดับไป... เอ๊! ใช่/ไม่ใช่ ใช่/ไม่ใช่ อาการเกิดดับเดี๋ยวชัดเดี๋ยวไม่ชัด เดี๋ยวชัดเดี๋ยวถอย ไป ๆ มา ๆ สับสน อ้าว! พองยุบไปไหนแล้วก็ไม่รู้!? ถอยกลับมาที่เดิมอีก แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เวลาเจาะสภาวะ เวลามุ่งบางคนก็ เอ๊ะ! ใกล้ถึงหรือยัง ใกล้ถึงแล้วมั้ง ใกล้ถึงแล้ว... โอ๊ะ! ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว... ถอยออก มา....ไกล! แค่ใกล้แล้วนี่ก็ถอยกลับมาเรียบร้อยแล้ว! เห็นไหม สภาวปรมัตถ์นี่คิดไม่ได้ ตามอาการให้จบ ก่อน แล้วค่อยมานั่งพิจารณาก็ได้ว่า เอ! เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เขาดับยังไง
แตจ่ รงิ ๆ แลว้ เมอื่ กเี้ กดิ อะไรขนึ้ นี่ ถา้ สตเิ ราดี เขาเหน็ ไปในตวั เลยวา่ เขาเกดิ แบบนี้ แบบนี้ แบบน.ี้ .. เขาเกิดดับเร็ว/ช้า ไม่ต้องมานั่งถอยทีหลังหรอก เพราะว่าเราเห็นเราก็บอกได้ทันที รู้สึกได้ทันทีว่าเขาดับ เร็ว/ดับช้า เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่ง เอ๊! เมื่อกี้มันเกิดดับแบบนี้ เรียกว่าเร็วหรือช้า ? ไม่ต้อง สัญญาของเรามี เพราะสัญญาเขาทาหน้าที่ของเขา สัญญาที่เราเคยเห็นสิ่งรอบตัว เห็นรถวิ่งเร็ว/วิ่งช้า


































































































   8   9   10   11   12