Page 9 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 9
187
ต้องทาให้ช้าลง แต่เพิ่มความสงบเข้าไปในใจแค่นั้นเอง ใจสงบอาการเคลื่อนไหวไม่จาเป็นต้องช้า เพราะ เขาจะเปลี่ยนเป็นความตั้งมั่น มั่นคง แทนที่จะเป็นสงบเงียบแล้วช้าลง
เพราะฉะนั้น การเจาะสภาวะ-การเพิ่มตัวมุ่ง จริง ๆ แล้วต้องไปด้วยกันเลย ถ้ามุ่งที่จะเจาะสภาวะ รู้อาการพระไตรลักษณ์ รู้ถึงอาการเกิดดับ รู้สภาพจิตเรา สังเกต ถ้ามุ่งแบบนี้เมื่อไหร่ การปรุงแต่งจะน้อย ความอยากความสงสัยมันจะน้อยลง เพราะมันจะมีคาตอบในตัว มุ่งไปแล้วเป็นอย่างนี้ เข้าไปกาหนดรู้ เจาะสภาวะ อ๋อ! ยิ่งดูยิ่งเป็นอย่างนี้ สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็เห็น บางครั้งที่เราบอกว่าอาการเกิดดับเคยเห็นแล้ว แต่ข้างในเกิดดับยังมีเกิดดับอยู่ ข้างในเกิดดับยังมีเกิดดับ แสดงว่าอาการเกิดดับที่เราคิดว่าเคยเห็นแล้ว อ๋อ! เห็นแล้ว เห็นแล้ว... คาว่า “เห็นแล้ว” เห็นแค่นี้ก็พอแล้ว หรือยังมีอะไรที่พิเศษให้เราได้เห็นได้ดูอีก ?
ถามวา่ ถา้ เหน็ แคน่ พี้ อแลว้ สตเิ ราเปน็ ยงั ไง สมาธเิ ราเปน็ ยงั ไง ความละเอยี ดของสภาวะ สภาพจติ ใจ เราเป็นยังไง ? แต่พอเราใส่ใจละเอียดมากขึ้น สภาพจิตใจเป็นยังไง ? เคยสังเกตไหม ไอ้ตัวสภาพจิตใจนี่ มันเป็นยังไง ประกอบด้วยอะไรบ้าง ? ไม่รู้เลยเนอะ สภาพจิตเรานี่ประกอบด้วยอะไรบ้างไม่รู้! บางทีเราก็ พยายามละ บางทีเราก็พยายามสร้าง บางทีก็พยายามทาให้จิตใส พยายามละไอ้ที่มันไม่ใส ก็เลยกลายเป็น ว่า เอ๊ะ! สภาพจิตหน้าตาเป็นยังไง ? จิตใจหน้าตาเป็นยังไง ประกอบด้วยอะไร ? ทาอย่างไรจิตจะใส ? จิตที่ผ่องใสประกอบด้วยอะไรบ้าง ? ประกอบด้วยความไม่มีอะไร ถ้าไม่มีอะไร จะประกอบกันได้ยังไง ใช่ไหม ?
สาเหตุที่ทาให้จิตเราผ่องใส สังเกตไหมว่า จิตที่ผ่องใส หนึ่ง....ตื่นตัว ตื่นตัวคือสติ ตั้งมั่นคือสมาธิ ร ช้ ู ดั ค อื ต วั ป ญั ญ า ส ต -ิ ส ม า ธ -ิ ป ญั ญ า พ อ เ ข า ส ม ด ลุ ก นั ก ล า ย เ ป น็ ส ภ า พ จ ติ ท ผี ่ อ่ ง ใ ส เ บ กิ บ า น ข นึ ้ ม า ท นั ท ี ส ภ า พ จิตตรงนี้เป็นเหตุ ลองดูสิ เมื่อจิตเราผ่องใส สติเป็นไง ? ดีไหม ? ดีนะ สติดี จิตตั้งมั่น สมาธิดีไหม ? เรา ทาเข้าใจตรงนี้นิดหนึ่งว่า ความสงบที่เราต้องการ ที่เราอยากสงบ จิตมันไม่สงบเลย...ฟุ้งซ่านตลอด กับ จิต ที่ตั้งมั่น ส่วนใหญ่เราจะเลือกความสงบ เราปฏิบัติธรรมทุกครั้งก็อยากอยู่สงบเงียบ ๆ เงียบ ๆ เขาเรียก เข้าฌาน เป็นแบบฤๅษี อยู่แบบเข้าฌานอย่างเดียว อยู่ชานมาก ๆ ก็ไม่ดีนะ เข้าห้องบ้าง จะได้ไม่เปียกฝน! บางทีต้องพิจารณาให้รอบ ๆ
เมอื่ คนื ทบี่ อกวา่ เราเดนิ มฌี านรองรบั ฌานทเี่ ปน็ โลกตุ ตระ กบั ฌานทเี่ ปน็ โลกยิ ะ เคยไดย้ นิ ไหม ? โลกิยฌานกับโลกุตตรฌาน ต่างกันยังไง ? นี่ธรรมสูงขึ้นไปอีกขั้นแล้วนะ ต่างกันตรงที่ว่า ฌานที่มีอัตตา ฌานที่มีตัวตน จะอยู่ในขอบข่ายเป็นโลกิยะ ฌานที่ไม่มีอัตตา ฌานที่ไม่มีตัวตน จะอยู่ฝ่ายโลกุตตระ เพราะไม่มีกิเลสเข้ามาเกี่ยวข้อง ฌานที่มีตัวตนทาให้อกุศลเกิดได้ง่าย ฌานที่มีตัวตนมักจะรู้สึกว่าข้าแน่! แต่ถ้าฌานที่เป็นโลกุตตรฌานจะว่างเปล่า แต่สงบ ผ่องใส ตั้งมั่น อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็ลองปฏิบัติดูต่อเนื่องไป เรื่อย ๆ ให้เวลาตัวเองเยอะขึ้น เยอะขึ้น... อาจจะหาคาตอบได้ ไม่ยากหรอก!
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติเขาจะดาเนินไปตามขั้นตอน ไม่ใช่ว่า ฉันจะไม่เอาฌาน ฉันกลัวติดฌาน ห้ามฌานเกิดไม่ได้นะ ปฏิบัติ...อย่างไรเขาก็เกิด อย่าคิดว่าเจริญวิปัสสนาแล้วฌานไม่เกิด แต่วิปัสสนาจะ เป็นฌานที่บริสุทธิ์ เพราะว่าละความเป็นตัวตน จิตจะมีแต่อาการเกิดดับ ไม่เข้าไปยึด แต่ก็จะปรากฏ และ