Page 44 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 44
222
ความคิดถึงเกิดกี่ครั้ง ก็ไม่ทาให้เราทุกข์แล้ว เพราะปัญญารู้แล้ว เห็นแล้วดับ เพราะฉะนั้น การที่ เราเข้าไปกาหนดรู้แบบนี้ การเจาะสภาวะนี่นะ ขณะที่รู้แบบนี้ สนใจอาการเกิดดับ ไม่เกี่ยงว่าความคิดนั้น เป็นเรื่องอะไร จะต้องไม่ให้ความสาคัญ ให้ความพิเศษว่า ถ้าเรื่องนี้ฉันดับได้ ถ้าเรื่องนี้ฉันดับไม่ได้ เรื่องนี้ ฉันดับได้ เพราะรับได้ เรื่องนี้ฉันรับไม่ได้ เลยดับไม่ได้ แต่ก็รับเต็ม ๆ นะ ใช่ไหม รับไว้เต็ม ๆ คือดับไม่ ได้ไง มันค้างอยู่ในใจ ทีนี้ต้องไม่เป็นอย่างนั้น ความเสมอภาค ที่เรามักจะบอกกันว่า ทาจิตให้เป็นกลางกับ ทุก ๆ อารมณ์
แต่จริง ๆ แล้วนี่นะ ให้อารมณ์นั้นเท่ากันเสมอ คือความเป็นกลางของเขาก็คือ ความเป็นอนิจจัง ทกุ ขงั อนตั ตา ใหเ้ ปน็ ธรรมชาติ ใหร้ ตู้ ามหลกั วา่ ความคดิ กค็ อื ความคดิ เหมอื นกนั แลว้ รวู้ า่ ความคดิ เกดิ ขนึ้ ตั้งอยู่ ดับไป ความคิดก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป นี่คือการให้ความเป็นกลางกับตัวเอง ให้ ความเป็นกลางกับอารมณ์อันนั้น ไม่ได้ให้อะไรเป็นพิเศษ ให้รู้ว่า ความคิดเกิดขึ้นแล้วไม่ดับหรอก ไม่ต้อง ไป...ให้ยึดเอาไว้...ไม่ใช่ หรือต้องปฏิเสธ เดี๋ยวมันไม่ดับ มันไม่ดับ
เปล่าเลย เขาไม่เที่ยง เขาเกิดดับเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกับลมหายใจ ไม่ต่างอะไรกับเสียง ไม่ต่าง อะไรกับเวทนาที่เกิดขึ้นมา เป็นอารมณ์หนึ่ง เป็นสภาวธรรมหนึ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นมา ทาหน้าที่ของตน เกิด ข นึ ้ ม า ท า ห น า้ ท ขี ่ อ ง ต น ต า ม เ ห ต ปุ จั จ ยั แ ค น่ นั ้ เ อ ง เ ม อื ่ เ ร า จ ะ เ จ า ะ ส ภ า ว ะ ม เี จ ต น า ท จี ่ ะ พ ฒั น า ส ต ิ ส ม า ธ ิ ป ญั ญ า ของตนเอง ให้ก้าวหน้าขึ้น จะต้องพร้อมที่จะรู้ทุก ๆ อารมณ์แบบนี้ ความคิด คิดดีไม่ดีเกิดขึ้นมา มีเจตนา ที่จะรู้ว่า เขาเกิดดับอย่างไร
ทนี ใี้ นการเจาะสภาวะ ใหส้ งั เกตในลกั ษณะน้ี นอกจากเหน็ อาการเกดิ ดบั ทตี่ า่ งไป คอื รอบนี้ ความคดิ เขาเกิดขึ้นมา รอบนี้เขาดับแบบนี้ ดับช้า ๆ กว่าจะหมดใช้เวลานาน แล้วก็ว่างไป พอหมดไป ว่างไป พอรอบ ใหม่ ความคดิ เกดิ ขนึ้ มาอกี ดวู า่ เขาตา่ งจากรอบทแี่ ลว้ อยา่ งไร ดบั เรว็ กวา่ เดมิ ไหม เบากวา่ เดมิ ไหม ใหส้ งั เกต แบบนี้ ดับเร็วกว่าเดิมไหม เบากว่าเดิมไหม พอเราสนใจความแตกต่างตรงนี้ไปเรื่อย ๆ นี่นะ การที่มีเจตนา ที่จะรู้ถึงความต่างของสภาวธรรม เป็นการฝึกจิตของเราให้สังเกตละเอียดมากขึ้น เป็นคนที่แยบคายขึ้น ละเอยี ดขนึ้ มสี ตมิ ากขนึ้ ในการพจิ ารณาสงิ่ ตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ เขา้ มา ทมี่ ผี สั สะเขา้ มากระทบตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ
แต่การที่เราเจาะสภาวะ ที่บอกว่ามีเจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับ มันจะเป็นการรับรู้ เข้าใจ แล้วละ ร บั ร เ้ ู ข า้ ใ จ แ ล ว้ ก ด็ บั ไ ป ว า่ ง ไ ป ๆ ไ ม ย่ ดึ เ อ า ไ ว ้ เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ จ งึ เ ป น็ ส งิ ่ ส า ค ญั ใ น ก า ร ป ฏ บิ ตั ิ เ ป น็ ส งิ ่ ส า ค ญั ใ น ก า ร เจาะสภาวะ ในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถามว่าเราจะได้รู้อะไร ตอนนี้ยังไม่รู้อะไร และทาไปเราจะรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ในชีวิตของเรา ไม่ต่างอะไรกับสภาวะที่เราเห็นเลย เสียงก็เป็นเรื่องปกติของชีวิตเรา ความคดิ กเ็ ปน็ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชวี ติ ของเรา เวทนากเ็ ปน็ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ลมหายใจกเ็ ปน็ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชวี ติ ของเรา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่ง ตึง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ตรงนที้ บี่ อกวา่ ไมจ่ า กดั กาล เวลาไหนกเ็ กดิ ขนึ้ ได้ เมอื่ เหตปุ จั จยั เขาพรอ้ ม เพราะฉะนนั้ สงิ่ ทตี่ อ้ งทา คือ เราต้องพร้อมที่จะพิจารณาอาการที่เกิดขึ้น ให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ในกฎไตรลักษณ์ รู้การเกิด ขึ้นบ่อย ๆ รู้การเกิดดับบ่อย ๆ ให้ต่อเนื่อง เดี๋ยวดีนะ เดี๋ยวดีเอง อานิสงส์เยอะ เสียงหมดแล้วนะ เข้าใจ