Page 136 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 136

132
ทนี ี้ มาพดู ถงึ การพจิ ารณาสภาวธรรม หรอื ทา ความเหน็ ของตนเอง ให้ถูกตรงที่เป็นสัมมาทิฏฐิ การที่เราจะทาความเห็นของตนเองให้เป็น สัมมาทิฏฐิ ถูกตรง เราจะพิจารณาอะไร ? ก็ด้วยการอาศัยการพิจารณา ความจริงตรงนี้แหละ เริ่มจากการพิจารณารูปนามขันธ์ห้า ที่เรารู้ที่เรา ได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์หรือการท่องมนต์ต่าง ๆ เราก็จะเห็นว่า พระพทุ ธเจา้ พดู ถงึ แกน่ ธรรม/สาระธรรมจรงิ ๆ กค็ อื เรอ่ื งของรปู นามขนั ธห์ า้ เพื่อคลายอุปาทาน เพื่อการเดินทางไปสู่เป้าหมายเพื่อการดับทุกข์อย่าง สิ้นเชิง... เพราะอะไร ?
เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ก็คือ การรู้ว่าทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์ รู้วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ และรู้ว่าทุกข์สิ้นแล้ว จึงแสดงแนวทางให้ เราผู้เป็นสาวก หรือผู้สนใจในธรรม ผู้มีปัญญาทั้งหลายได้เจริญรอยตาม แนวทางทพี่ ระองคท์ รงไดเ้ หน็ แลว้ ถงึ สจั ธรรมจรงิ ๆ นนั้ เปน็ อยา่ งไร อยา่ ง เ ช น่ ท เี ่ ร า เ จ ร ญิ ก ร ร ม ฐ า น อ ย า่ ง ท บี ่ อ ก ว า่ ก า ร พ จิ า ร ณ า ร ถ้ ู งึ ส จั ธ ร ร ม ค ว า ม จ ร งิ ของรูปนาม ที่เห็นถึงว่ารูป-นาม/กาย-ใจ แยกเป็นคนละส่วนกัน เพราะ อะไร ? เพราะพระองค์บอกว่ารูปนามขันธ์ห้าอันนี้ ย่อลงมาแล้วเหลือแต่ รูปกับนาม/กายกับใจที่กาลังทาหน้าที่ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนือง นิตย์ และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้น
การทจี่ ะออกจากทกุ ขไ์ ดก้ ต็ อ้ งพจิ ารณาความจรงิ ขอ้ นี้ พอเหน็ กาย กับจิตเป็นคนละส่วนกัน เราจึงต้องพิจารณาตามคาสอนขององค์สมเด็จ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ วา่ เมอื่ แยกเปน็ คนละสว่ นแลว้ มสี ว่ นไหนบา้ งทบี่ อก วา่ เปน็ เรา เปน็ ของเรา ? รปู บอกวา่ เปน็ เราไหม ? จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ บู้ อกวา่ เปน็ เราไหม ? หรือว่าเป็นแค่รูปนามที่กาลังทาหน้าที่ของตน ? และการเห็นรูป นามกา ลงั ทา หนา้ ทขี่ องตนตามธรรมชาตแิ ลว้ จติ เกดิ ความรสู้ กึ ผอ่ นคลาย


































































































   134   135   136   137   138