Page 137 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 137
หรือคลายจากอุปาทาน ความทุกข์ไม่เกิดขึ้น เมื่อเห็นความจริงตรงนี้แล้ว เกิดความรู้สึกโล่งเบา จากที่เคยหนักเคยยึดว่าเป็นตัวเราของเรา ได้เห็น ถึงความไม่มีเรา รู้ว่าทาแบบนี้ความทุกข์ลดลง
ทนี กี้ ารพจิ ารณา เราเหน็ วา่ กายกบั จติ ทเี่ คยเขา้ ใจวา่ เปน็ เรา พอเหน็ จริง ๆ ไม่บอกว่าเป็นของเรา แล้วจิตที่ทาหน้าที่รู้อาการอย่างอื่นล่ะ ? รูปที่ เกิดขึ้นทางตา/การเห็นกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละ ส่วน ? เสียงที่เกิดขึ้นกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละ สว่ น ? ความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ ู้ เขาเปน็ สว่ นเดยี วกนั หรอื คนละ สว่ น ? เวทนาทเี่ กดิ ขนึ้ กบั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ ู้ เปน็ สว่ นเดยี วกนั หรอื คนละสว่ น ? เราควรจะพิจารณาแบบนั้นไหม ? หรือแค่รู้ว่ากายกับจิตเป็นคนละส่วน ก็พอแล้ว ?
แต่จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ สภาวธรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคิด ไมว่ า่ จะเปน็ เวทนา ไมว่ า่ จะเปน็ ภาพทเี่ หน็ หรอื เสยี งทไี่ ดย้ นิ กค็ วรพจิ ารณา ในลักษณะเดียวกัน คือความเท่าเทียมกัน การพิจารณาแบบนี้ เราจะได้ เห็นอะไร ? เห็นถึงความเป็นอนัตตา เห็นถึงความเป็นธรรมชาติที่ปรากฏ เกิดขึ้นมาด้วยเหตุปัจจัยของตนของตน เหตุปัจจัยคืออะไร ? เหตุปัจจัย : มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การรับรู้ก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีทวาร ทั้งหกก็ต้องมีการรับรู้ทางทวารทั้งหก นี่เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสัจธรรม
ทีนี้ลองดูว่า การเห็นถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างจิตกับทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ? อันนี้คือเห็นธรรมข้อเดียว คือ เหน็ ความเปน็ คนละสว่ น แลว้ เหน็ ถงึ ความเปน็ อนตั ตา ความเปน็ อนตั ตา ตรงนนั้ คอื ความเขา้ ใจ เมอื่ เหน็ วา่ จติ กบั อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เปน็ คนละสว่ นกนั แตเ่ มอื่ พจิ ารณาวา่ เมอื่ เปน็ คนละสว่ นกนั แลว้ อารมณไ์ หน/สว่ นไหนทบี่ อก
133