Page 235 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 235
ทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา นั่นคือกฎไตรลักษณ์ที่พระองค์ ทรงค้นพบแล้วก็นามาเผยแผ่ (หลังจาก)ค้นพบสิ่งนี้แล้วผลที่ตามมาคือ อะไร ? ไมใ่ ชแ่ คเ่ พยี งคน้ พบ แตเ่ ปน็ ผคู้ น้ พบแลว้ ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากสงิ่ นนั้ คอื ทา ใหจ้ ติ พน้ จากความทกุ ข์ และทสี่ า คญั คอื ตดั วฏั สงสารหรอื สงั สารวฏั การเวียนว่ายตายเกิดที่ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่สามารถสิ้นสุดได้ ด้วยการเข้าไปกาหนดรู้ถึงกฎไตรลักษณ์อันนี้
และอาการพระไตรลักษณ์หรือกฎไตรลักษณ์อันนี้ ไม่มีอะไรที่อยู่ นอกเหนอื ไมว่ า่ จะอยใู่ นตวั หรอื นอกตวั กอ็ ยใู่ นกฎของไตรลกั ษณ์ แตข่ ณะ ทเี่ ราปฏบิ ตั ธิ รรม สงิ่ ทเี่ ราใสใ่ จคอื อารมณท์ กี่ า ลงั ปรากฏอยเู่ ฉพาะหนา้ ถาม ว่า ในตัวนอกตัวเป็นอย่างไร ? อย่างเช่น อารมณ์ภายใน ที่เรากาหนดรู้ ลมหายใจ กาหนดอาการเต้นของหัวใจ อาการเคร่งตึง ความปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พอสติ-สมาธิแก่กล้าขึ้น กลับเห็นว่าแม้แต่ลมหายใจที่เกิดขึ้น มาก็เกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ไม่มีร่างกาย/ไม่มีรูปรองรับ ถึงแม้เกิดบริเวณตัว บริเวณรูปแต่ไม่มีรูปร่างของตัวรองรับ มีแต่ความว่าง ๆ แม้แต่อาการเต้น ของหัวใจก็ยังเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ
ทาไมถึงเห็นเป็นความว่างได้ ? เกิดเพราะเราลืมหรือไม่ใส่ใจ หรือ เกิดเพราะว่าจิตคลายจากอุปาทาน เห็นว่าจิตกับอาการนั้นเป็นคนละส่วน กัน ? จิตกับรูปเป็นคนละส่วนกัน จิตจึงคลายจากอุปาทาน เพิกบัญญัติ ละความเป็นรูปร่างความเป็นกลุ่มก้อน ยิ่งเห็นชัดเข้าไปอีกว่ารูปนี้ไม่มี แก่นสารไม่มีสาระที่จะยึดได้เลย เพราะฉะนั้น รูปในชาตินี้ไม่สามารถยึด หรืออาศัยเป็นสรณะเพื่อไปเกิดในภพภูมิต่อไปได้ ถ้าเกิดในภพภูมิต่อไป ก็เป็นรูปใหม่เป็นร่างกายอันใหม่ไป ไม่ได้พาเอาร่างกายนี้ไปเลย เพราะ ฉะนั้น ในภพภูมินี้เราอาศัยรูปอันนี้ชั่วขณะชั่วเวลาหนึ่งแค่นั้นเอง
231