Page 267 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 267

เพราะฉะนั้น การที่ใส่ใจเข้าไปกาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วน ตรงนแี้ หละปญั ญากจ็ ะเกดิ ขนึ้ มาเหน็ ถงึ กฎไตรลกั ษณไ์ ปในตวั เพราะเปน็ ปัจจัยซึ่งกันและกัน เป็นธรรมชาติ การเห็นแบบนี้เป็นการเห็นที่ทาให้ ความทุกข์ดับไป ยิ่งเห็น จิตยิ่งผ่องใส ยิ่งว่าง ยิ่งปล่อยวาง ยิ่งสงบขึ้นมา ถามว่า เมื่อได้เห็นแบบนี้แล้วจะทาอย่างไร... จะพอแค่นี้หรือควรจะดาริ อย่างไร ? เขาเรียกว่า “ดาริชอบ” ดาริชอบ คือดาริที่จะปฏิบัติ ที่จะเดิน ทางไปสู่ความเป็นอิสระ เดินทางเพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไปสู่นิพพาน หรอื ความพ้นทุกข์ พ้นจากเครื่องร้อยรัดเครื่องพันธนาการทั้งหลาย ทาให้ จิตอิสระจากการถูกครอบงาด้วยโลภะโทสะโมหะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุคคล ผู้พิจารณาว่าสภาวธรรมที่กาลังปรากฏนี้ว่าส่งผลดีต่อตนอย่างไร
ตรงนี้แหละเป็นสิ่งสาคัญ ที่บอกว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องใช้สติ-สมาธิ-ปัญญาพิจารณาโดยแยบคาย ป ญั ญ า ต ร ง น จี ้ ะ เ ก ดิ ข นึ ้ ไ ด อ้ ย า่ ง ไ ร ? ป ญั ญ า ต ร ง น เี ้ ร า จ ะ เ ข า้ ใ จ ไ ด ง้ า่ ย ข นึ ้ เ ม อื ่ เรารู้ชัดในเป้าหมายของการปฏิบัติของตนว่า เมื่อเราได้ฟังธรรม น้อมนา ธรรมะของพระพุทธเจ้าเข้ามาใส่ใจเพื่อที่จะปฏิบัติตามเพื่อที่จะดับทุกข์ ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ ถ้าเรารู้ว่าการปฏิบัติธรรมของเราเป็น ไปเพื่อการดับทุกข์ เพื่อละเพื่อคลายอุปาทานแล้ว ก็จะทาให้เราเข้าใจใน ธรรมะนั้นได้ง่ายขึ้น เห็นถึงสัจธรรมอันนั้นได้ชัดขึ้น นี่แหละคือสิ่งสาคัญ
การที่เราใส่ใจกาหนดรู้อารมณ์ปัจจุบัน ณ ขณะนี้เดี๋ยวนี้ ลอง สังเกตดูว่าเราต้องบังคับมากน้อยเพียงไร นี่แหละคือทางสายกลางหรือ มัชฌิมาปฏิปทา การใช้ปัญญาพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น อย่างที่ พระพุทธองค์แสดงเรื่องสุดโต่งสองอย่างในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรให้กับ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า พระองค์ได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการทรมานตนเพื่อ
263


































































































   265   266   267   268   269