Page 268 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 268
264
หลดุ พน้ นนั้ ไมใ่ ชแ่ นวทาง พระองคท์ รงอดอาหารอดนา้ จนรา่ งกายซบู ผอม เหลือแต่หนังติดกระดูกแทบจะเอาชีวิตไม่รอด พระองค์จึงบอกว่านั่นคือ ทางสดุ โตง่ การทา อตั กลิ มถานโุ ยคไมใ่ ชท่ างหลดุ พน้ พอพระองคไ์ ดป้ ญั ญา เกิดขึ้นมา จึงปฏิบัติตนในทางสายกลาง รับน้ารับอาหาร ทาพระวรกาย ให้แข็งแรง ถ้าคนเรามีร่างกายแข็งแรง จิตก็จะมีพลังในการพิจารณา สภาวธรรม/ธรรมชาติที่เกิดขึ้น
แต่ก็ไม่ใช่การบาเรอตนด้วยกามคุณอารมณ์ต่าง ๆ แล้วคิดว่าการ บาเรอตนด้วยกามคุณอารมณ์ต่าง ๆ จะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์นั้นเป็น ไปไม่ได้เลย หรือจะทาให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารนั้นก็ไม่ใช่ทางอีก ทาไม พระพุทธองค์จึงตรัสถึงทางสุดโต่งสองอย่างให้ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าได้ พิจารณา ? เพราะว่าความเชื่อเดิมนั้น บุคคลที่จะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร หรอื ทจี่ ะบรรลเุ ปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดน้ นั้ ตอ้ งทรมานตนอยา่ งยงิ่ ยวด ถึงจะพบกับทางหลุดพ้นหรือพ้นทุกข์ได้จริง แต่พระพุทธองค์ได้ทรงค้น พบแนวทางใหม่ที่ทุกคนก็สามารถปฏิบัติธรรมและเข้าถึงธรรมได้ เมื่อ พระอญั ญาโกณฑญั ญะไดส้ ดบั ตรบั ฟงั ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู รกไ็ ดด้ วงตา เห็นธรรม นั่นเป็นการประกาศศาสนาทาให้มีอริยสงฆ์เกิดขึ้นในพระพุทธ ศาสนา
ทีนี้ ย้อนกลับมาดูว่า แล้ว ณ ปัจจุบัน ณ ขณะนี้ สิ่งที่เราทาอยู่ เราจะพิจารณาอย่างไรว่าเป็นมัชฌิมาปฎิปทา ? การที่เราไม่เบียดเบียน ตัวเองให้ลาบากจนเกินไป ให้เป็นทุกข์ ขาดสติ ไม่มีกาลังในการพิจารณา สภาวธรรมที่เกิดขึ้น... นั่นไม่ใช่ทางที่เหมาะสมสาหรับเรา แต่ถ้าละเลย ปลอ่ ยมากไป ทา ใหข้ าดสติ เพลดิ เพลนิ ไปกบั กามคณุ อารมณ์ ถกู ครอบงา มากเกินไป... นั่นก็ไม่ใช่ทางหลุดพ้นเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การที่มีสติ