Page 96 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 96

92
รูปนามทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นคนละส่วนกัน เมื่อเห็นความจริงข้อนี้ก็ คือสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นที่ถูกตรงถูกต้องตามความเป็นจริง ทาไมถึง เรียกว่าเห็นถูกตรงถูกต้อง ? เพราะเห็นอย่างนี้เมื่อไหร่ความทุกข์ก็ดับไป เมื่อนั้น เห็นอย่างนี้เมื่อไหร่ความทุกข์ก็เกิดขึ้นไม่ได้เมื่อนั้น เห็นอย่างนี้ เมื่อไหร่จิตก็จะคลายจากอุปาทานเมื่อนั้น เห็นอย่างนี้เมื่อไหร่จิตก็อิสระ เมื่อนั้น
ทีนี้ เมื่อเห็นระหว่างจิตกับกาย-ซึ่งเป็นรูปภายใน-แยกจากกัน อย่างนี้แล้ว ทาให้เกิดความรู้สึกเบา โล่ง หรือสงบ จิตที่ว่างที่กว้างนั้นเบา แล้วก็สงบ ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน นั่นคือสัจธรรมข้อหนึ่งที่เราสามารถ พิสูจน์ได้ เมื่อพิจารณารูปภายในเป็นแบบนี้ ไม่ได้เป็นส่วนเดียวกันกับจิต จิตสามารถกว้างไกลออกไปได้ ทีนี้เมื่อพิจารณารูปภายนอก ก็พิจารณา ในลักษณะเดียวกัน รูปภายนอก อารมณ์ภายนอก ภาพภายนอก ไม่ว่าจะ เป็นสัตว์ บุคคล ต้นไม้ วัตถุสิ่งของต่าง ๆ ก็ตาม ลองสังเกตดูว่า ถ้าให้จิต ที่ว่าง จิตที่กว้าง จิตที่เบา เป็นคนละส่วนกับอารมณ์เหล่านั้นหรือรูป ภายนอกแล้วเป็นอย่างไร ? จิตมีการหลงเข้าไปยึดเอารูปเหล่านั้นมาเป็น ของเราหรือไม่ ? หรือรูปที่ปรากฏขึ้นมานั้นมาปรุงแต่งจิตได้มากน้อยแค่ ไหน/หรือไม่ ?
นี่คือการพิจารณาสัจธรรมที่เกิดขึ้นว่า ทาไมพระองค์จึงทรงตรัส ว่ารูปนามนี้เป็นคนละส่วนกัน เป็นคนละขันธ์กัน ไม่ได้เป็นอันเดียวกัน และรูปนามขันธ์ห้านี้ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเราของเรา รูปนามขันธ์ห้านี้ เป็นอนัตตา เมื่อเห็นความจริงข้อนี้ทาให้จิตเกิดความอิสระผ่องใสขึ้นมา เพราะฉะนั้น รูปภายนอก - ไม่ว่ารูปนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม - ก็พิจารณา ในลักษณะเดียวกัน นี่คือความเสมอกันแก่สังขารทั้งปวง ก็คือความ


































































































   94   95   96   97   98