Page 41 - เวทนา
P. 41
35
แลว้ รสู้ รสู้ กึ กึ เบารสู้ กึ กึ โลง่ กเ็ ลยไมใ่ สใ่ จในขณะตอ่ ๆ ไป นนั่ ไมใ่ ไมใ่ ชส่ งิ่ ทผี่ ปู้ ฏบิ ตั ิ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะพึงละเลย
เมอ่ื ไหรก่ ต็ ามทผี่ ปู้ ฏบิ ตั เิ หน็ ถงึ ถงึ สภาวธรรม ถงึ ถงึ อาการพระไตรลกั ษณ์ ถึงอาการเกิดดับที่ปรากฏขึ้นมาแล้ว เห็นอาการของเวทนาที่ดับไป แต่ละขณะ จิตมีความผ่องใสขึ้น มีความโล่งข้ึน มีความเบาข้ึนนั้น นั่นเป็นจุดที่ผู้ปฏิบัติพึงใส่ใจให้ต่อเน่ืองให้แยบคายยิ่ง ๆ ขึ้นไป นั่นเป็น นั่นเป็น สภาวธรรมลักษณะอาการพระไตรลักษณ์ที่ส�าคัญที่จะท�าให้ผู้ปฏิบัติน้ัน ก้าวหน้าต่อไป เม่ือเห็นแล้วพึงใส่ใจให้ต่อเนื่องให้แยบคาย “ให้ต่อเน่ือง ให้แยบคาย” น้ันเป็นอย่างไร ?
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเห็นอาการของความปวด หรือเวทนาปรากฏในความว่าง และเม่ือเห็นเวทนาดับ ก็ดับไปด้วย
ดับไปแต่ละคร้ังจิตมีความผ่องใสขึ้น เมื่อเป็นแบบน้ัน ๆ ไปจนกว่าอาการเกิดดับ ของเวทนาน้ันจะสิ้นสุดหรือหายไปหมดไป พึงใส่ใจตามรู้ให้ต่อเน่ืองใน ลักษณะอย่างน้ี
“การใส่ใจให้ต่อเน่ือง” อาการของอารมณ์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการของลมหายใจ ไม่ว่าจะ ไม่ว่าจะ เปน็ เปน็ อาการทางกายทปี่ รากฏขนึ้ มาทไี่ มใ่ มใ่ ชเ่ วทนาไมใ่ ชค่ วามปวด วามปวด ไมว่ า่ จะเปน็ ความคิดที่เกิดขึ้น ไม่เก่ียวกับความปวด ว่าจิตที่ไปรู้กับอาการท่ีเกิดขึ้นมานั้นเกิดดับอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเสียงท่ี ปรากฏเกิดข้ึนมา เมื่อเคยเห็นว่าเวทนาดับ-จิตดับในแต่ละขณะ จิตมีความ สงบข้ึน มีความสว่างขึ้น ใสขึ้น เพราะฉะน้ัน ของเสยี ของเสยี งกเ็ ชน่ เดยี วกนั ขณะทกี่ า า า า า า า า า า า า า า หนดรอู้ าการเกดิ ดบั ของเสยี ของเสยี ง ง ง ง ง ง ง ง ง ผปู้ ฏบิ ตั เิ อง อง อง อง จิตที่ไปรู้ดับไปกับ