Page 39 - เวทนา
P. 39
33
บางไป จาง จาง ๆ ๆ ไป ไป ไป ไป ไป ไป แล้วก็ว่างไปหรือสงบน่ิงไป ก็เห็นชัด ก็เห็นชัด หรือเวทนาน้ัน จาง จาง ๆ ๆ แล้วก็หลุดฟึบออกไปโล่งไปเลย ก็เห็นชัด ก็เห็นชัด ถ้าเป็นในลักษณะ อย่างน้ีสภาวธรรมก็ยังต่อเนื่องไปได้ เพราะฉะน้ัน การเปลี่ยนอิริยาบถ มีเวทนาเกิดขึ้นและได้สู้ อย่างเต็มท่ีจนไม่ไหวแล้ว จึงขยับปรับท่าให้เหมาะสมเพ่ือบรรเทา เวทนานั้น แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความเปล่ียนแปลงหรืออาการเกิดดับของเวทนา หรือความปวดน้ันอยู่ แบบนี้ไม่ผิดและไม่หลุดจากกรรมฐานด้วย บางครั้งโยคีเจอเวทนาในลักษณะอย่างน้ี บางคนอดทนมีขันติอย่างดีเลย แต่พอเวทนาแก่กล้าขึ้นมาจนทนไม่ไหว ไม่ได้ระวังขยับปุ๊บปั๊บทันที จิตหลุดออกจากกรรมฐานไปรับรู้อารมณ์ อย่างอื่นอย่างไม่มีความตั้งมั่น เพราะฉะน้ัน เวลามีเวทนาข้ึนมาโยคี ผู้ปฏิบัติพึงพิจารณาให้แยบคายในสภาวธรรมท่ีเกิดขึ้น
ๆ จิตที่ท�าหน้าที่รู้ก็เป็นอีกส่วนหน่ึง ที่ท�าหน้าท่ีรู้ถึงเวทนาที่ปรากฏอยู่ ในที่ว่าง ๆ รูปนี้หายไปว่างไป สิ่งที่ พระพุทธองค์ทรงตรัสนั้นเป็นเรื่องจริงตามนั้นเสมอไหม นี่เป็นการพิสูจน์ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปในตัว และเป็นการพัฒนา สต-ิ สมาธใิ หด้ ยี ง่ิ ขนึ้ การทจี่ ะเหน็ ถงึ อาการพระไตรลกั ษณก์ ารเกดิ ดบั ของ ของ ขันธ์ทั้ง ๕ อย่างชัดเจนเป็นสมุจเฉทอย่างสิ้นเชิงนั้น ไม่ใช่แค่เรานั่งมอง นงั่ คดิ แลว้ จะเหน็ สภาวธรรมนน้ั ๆ ๆ อยา่ งแจม่ แจง้ ได้ แตก่ ารเจรญิ กรรมฐาน การคอยสังเกตคอยใส่ใจอยู่เนือง ๆ ๆ กฎไตรลักษณ์คือความเป็นอนิจจลักขณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักขณะ