Page 100 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 100

82
แข็ง เคร่งตึง หนัก เบา เป็นลักษณะธาตุ ๔ ที่ปรากฏขึ้นมา บางครั้งนั่งแล้ว รู้สึกเย็น ๆ มีสติเข้าไปรู้ความเย็น เย็นแล้วเขาดับยังไง ? เย็นแล้วเขาเปลี่ยน ยังไง ? เย็นขึ้นมาแล้วหายยังไง ?
พอมีความร้อนเกิดขึ้นที่ตัว เข้าไปรู้ความร้อนเกิดแล้วดับยังไง ? พอ เข้าไปรู้ จากเป็นจุดเล็ก ๆ กระจาย ๆ แล้วบางหายไป นั่นคือการกาหนด รู้ลักษณะอาการเกิดดับของธาตุ ธาตุไฟที่ปรากฏขึ้นที่กายของเรา อาศัย กาย เพราะกายนี้ประกอบด้วยธาตุ ๔ อยู่ที่ว่าธาตุไหนจะปรากฏชัด ไม่ว่า จะเป็นธาตุไหนปรากฏชัดขึ้นมา เมื่อเรามีเจตนาที่จะเข้าไปรู้ถึงการเกิดดับ ของเขา นั่นคือการเข้าไปกาหนดรู้ถึงอาการพระไตรลักษณ์ และนั่นคือการ ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา
การพิจารณาอย่างนี้แหละ จะทาให้เราเห็นตามความเป็นจริงของ ธรรมะ ของสภาวธรรมของรูปนามที่เกิดขึ้น ที่บอกว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา เขาปรากฏขึ้น มาให้เราเห็นทุก ๆ ขณะอยู่แล้ว เขาประกาศตัวเขาเองว่าเขาเป็นแบบนี้ ๆ จิต ก็ทาหน้าที่รู้ทุกอย่างที่ปรากฏเข้ามา
อะไรก็ตามที่ปรากฏเข้ามาทางทวารทั้ง ๖ ถ้าทวารเหล่านั้นยังสมบูรณ์ ยังดี จิตก็ทาหน้าที่รับรู้อยู่ตลอด ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี นั่นคือหน้าที่ของจิต เขาไม่ลาเอียง อะไรดีก็รู้ ไม่ดีก็รู้ อยู่ที่ปัญญาของเราว่าจะเลือกรับรู้สิ่งไหน ให้ความสาคัญกับสิ่งไหน เพื่อประโยชน์อะไร ให้ความสาคัญกับสิ่งไหนแล้ว เป็นทุกข์ ให้ความสาคัญกับสิ่งไหนแล้วความทุกข์ดับไป ให้ความสาคัญกับ สิ่งไหนแล้วใจเราสงบ นั่นคืออยู่ที่ปัญญาในการเลือกการกาหนดรู้
แต่ถ้าไม่เลือก หรือไม่พิจารณารู้ถึงอาการเกิดดับตรงนี้ เราก็จะปล่อย ให้ชีวิตของเราเป็นไปตามยถากรรม เมื่อเรามีสติกาหนดรู้อยู่กับอารมณ์


































































































   98   99   100   101   102