Page 108 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 108

90
ทาจิตให้ว่าง แล้วเติมความสุขให้ตัวเอง แล้วก็แผ่เมตตา
เพราะฉะนั้น ที่ถามว่า กลับไปแล้วจะเอาธรรมะไปใช้ยังไง ? ถ้าใช้
๒ อย่างนี้ได้ก็สบายแล้ว ทาใจให้ว่างเติมความสุขให้ตัวเอง ใช้ใจที่กว้างเบา ทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ หรือใช้ใจที่สุขนี่แหละทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ แล้วความ ทุกข์จะเกิดยาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีความทุกข์เกิดขึ้น ให้บอกตัวเองเสมอ ว่า “เราต้องพร้อมที่จะดับทุกข์”
แล้วเมื่อไหร่ก็ตาม ที่รู้สึกว่าวิธีคิดแบบนี้ทาให้เราทุกข์ ถ้าจาเป็น ต้องคิด ลองเอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก หรือทาใจให้กว้าง ๆ แล้วคิด แต่ ถ้าเรารู้สึกว่า คิดแล้วจะสู้ไม่ไหว ให้นิ่ง ตั้งใจดี ๆ ให้ใจที่เบานี่กว้าง แล้วให้ นิ่ง จิตเราก็จะมีพลังเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเรานิ่งแคบ ๆ จิตก็จะมีกาลังนิดเดียว ถ้า จิตเรากว้างขึ้น แล้วนิ่ง จิตเราก็จะมีพลังมากขึ้น อันนี้เป็น “วิธีการเพิ่มพลัง ให้แก่จิตตัวเอง” จริง ๆ ก็คือ เพิ่มกาลังของสมาธินั่นเอง ลองฝึกดูนะ อัน นี้ขอฝากเอาไว้
ถ้าต้องการให้สภาวธรรมที่เป็นวิปัสสนาญาณก้าวหน้า เมื่อไหร่ก็ ตามที่มีเวลา ก็ให้มี “เจตนา” ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา ด้วยการไปกาหนดรู้อาการ เกิดดับของอารมณ์ที่กาลังเกิดขึ้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ไม่ว่าจะเป็น พองยุบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่เกิดขึ้น แค่เรามี เจตนาที่จะรู้ถึงอาการเกิดดับของเขาเท่านั้นเอง นั่นคือ “การยกจิตขึ้นสู่ วิปัสสนา”
การยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา เราใช้เวลาสั้น ๆ ก็ได้ ใช้เวลาครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาทีก็ได้ ไม่จาเป็นต้องใช้เวลาครั้งละ ๑ ชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง... ทุกครั้ง ที่เรามีเจตนายกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา ที่บอกว่าเรานั่งพักสบาย ๆ ก็ปฏิบัติธรรม ได้แล้ว นั่งพักนิดหนึ่ง แล้วก็ยกจิตขึ้นสู่ความว่าง ทาใจให้ว่าง นั่นก็คือ การปฏิบัติธรรม แม้ ๕ นาที ๓ นาที ๒ นาที หรือแค่กลั้นหายใจแล้วทาใจ ให้ว่าง ก็คือการปฏิบัติธรรมนั่นแหละ เพราะเราเจตนาที่จะทาใจให้ว่าง


































































































   106   107   108   109   110