Page 170 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 170

152
ต้องมีเจตนาที่จะรู้ว่าอาการของพองยุบมีลักษณะอย่างไร เกิดดับอย่างไร หรือถ้ากาหนดลมหายใจ ก็ต้องสังเกตว่าลมหายใจมีการเปลี่ยนแปลง หรือ เกิดดับในลักษณะอย่างไร อันนี้คือ “การดูกายในกาย”
อีกอย่างหนึ่งก็คือ “การดูเวทนาในเวทนา” เขาเรียก “ตามรู้อาการของ เวทนา” เวทนาที่ปรากฏในขณะที่เราเจริญกรรมฐานมีอาการอย่างไรบ้าง ? เวทนาที่เราต้องตามรู้ก็คือ ๑. ความปวด ๒. อาการคัน ๓. อาการชา ๔. อาการ เมื่อย ตรงนี้จัดเป็นเวทนาทั้งหมด เมื่อมีอาการของเวทนาเกิดขึ้น เราต้องมี เจตนาที่จะเข้าไปกาหนดรู้ว่า เวทนาที่ปรากฏขึ้นมานั้น มีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดดับในลักษณะอย่างไร อันนี้เราเข้าไปพิจารณาถึงลักษณะของ ไตรลักษณ์ ที่ว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น
อีกอย่างหนึ่งคือ “การดูจิตในจิต” หรือความคิดที่เกิดขึ้น ขณะที่เรา เจริญกรรมฐาน มีความคิดต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมา ก็ให้กาหนดรู้ว่าความคิดที่ เกิดขึ้นมานั้น เกิดในลักษณะอย่างไร ดับในลักษณะอย่างไร มีเจตนาที่จะ รู้ถึงการเกิดดับของความคิด ไม่คล้อยตามความคิด หรือปฏิเสธความคิด เพราะเมื่อไหร่ที่เราปฏิเสธความคิด อกุศลจิตก็เกิด เกิดความหงุดหงิดใจ เกดิ ความรา คาญใจ เกดิ ความไมส่ บายใจ แตถ่ า้ เราคลอ้ ยตามความคดิ อกศุ ล จิตอีกอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น อาจจะเป็นความเพลิดเพลินไปกับความคิดที่เป็น โมหะหรือเป็นตัวโลภะ ยินดีพอใจในเรื่องที่กาลังคิด ก็จะไม่เห็นสภาวะความ เป็นจริงที่เขาแสดงอาการพระไตรลักษณ์อยู่
เพราะฉะนั้น เวลามีความคิดเกิดขึ้น ให้มีเจตนาที่จะเข้าไปรู้ว่า ความ คิดที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดดับในลักษณะอย่างไร อันนี้อย่างหนึ่ง เป็นการดูจิต ในจิต รู้ว่าจิตคิดอะไร และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขณะที่คิด ลองสังเกตดูว่า จิตที่ทาหน้าที่รู้กับความคิดที่เกิดขึ้น เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วน ? เป็นการแยกนามกับนาม เป็นการกาหนดรู้ถึงจิตที่ทาหน้าที่รู้กับความคิดที่


































































































   168   169   170   171   172