Page 172 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 172

154
คาว่า “กาหนดที่ได้ปัจจุบันจริง ๆ” ก็คือ รู้ชัดในอาการที่กาลังปรากฏ อยู่ ว่าอาการที่เกิดขึ้น ที่กาลังเป็นไปอยู่นี้ มีลักษณะอย่างไร เพราะฉะนั้น ในขณะที่เดินจงกรม จึงต้องมีเจตนาให้สติหรือจิตของเราอยู่ที่การก้าวเท้า ทั้งขณะยกขึ้น ย่าง แล้วก็เหยียบกระทบลง ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา ให้มี เจตนาที่เข้าไปกาหนดรู้ถึงอาการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับของการก้าวเท้า ในแต่ละก้าว แต่ละก้าว แต่ละขณะ ว่าเป็นไปในลักษณะอย่างไร อันนี้คือ การกาหนดอารมณ์ในขณะที่เราเดินจงกรม
ทีนี้ ในขณะที่เราเดินจงกรม บางทีก็จะมีอารมณ์จรเข้ามาแทรก อารมณ์จรคืออะไร ? อารมณ์จรที่ปรากฏเข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็นความคิด ถามว่า ควรจะกาหนดอย่างไรระหว่างความคิดกับการก้าวเท้าของเรา ? เมื่อ มีอารมณ์จรเข้ามาแทรก เป็นอารมณ์ที่เข้ามารบกวน ให้กาหนดอารมณ์จร ก่อน โดยหยุดยืนนิดหนึ่ง แล้วก็ไปกาหนดอารมณ์จร กาหนดความคิด พอ ความคิดดับไป หมดไป หายไป ก็กลับมากาหนดที่เท้าต่อ มารู้อาการก้าวเท้า ต่อไป ให้สลับกันอยู่อย่างนี้
เมื่อไหร่ที่มีความคิด ถ้าเป็นความคิดยาว ๆ เข้ามา คืออารมณ์จร นั้นเข้ามานาน ก็กลายเป็นการกาหนดสภาวะในขณะที่ยืน อิริยาบถยืนกับ นั่งไม่ต่างกัน คือการอยู่นิ่ง ๆ เพราะฉะนั้น เวลาเรายืนเราจะกาหนดอะไร ? ก็กาหนดอาการของรูปนั่นแหละ ดูที่รูปหรือที่กายของเราว่ามีอาการอย่างไร ปรากฏขึ้นมา อาการไหนปรากฏขึ้นมาบริเวณกายของเรา ก็ให้ตามรู้อาการ นั้น ถ้าพองยุบปรากฏชัด ก็ตามอาการพองยุบไป ถ้าอาการเต้นของหัวใจชัด ให้ไปรู้อาการเต้นของหัวใจ ไม่ต้องตามอาการอื่นที่เราไม่เห็นหรือไม่ชัดเจน
การยืนกับการนั่ง อาศัยอิริยาบถแบบเดียวกัน คือการอยู่นิ่ง ๆ เพราะ ฉะนั้น การนอนก็เช่นเดียวกัน ตอนที่เรานอนกาหนด ต้องมีเจตนาที่ชัดเจน นอนแล้วก็พร้อมที่จะกาหนดอาการที่เกิดขึ้น บางครั้งนอนแล้วเราเผลอ หรือว่าไม่มีเจตนาที่จะกาหนดอารมณ์ นอนแล้วต้องการหลับ อันนั้นก็ให้รู้


































































































   170   171   172   173   174