Page 185 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 185
167
ที่เกิดขึ้น รู้ชัดว่าว่าง รู้ชัดว่าเบลอ รู้ชัดว่าง่วง รู้ชัดว่าสงบ รู้ชัดว่าใส รู้ชัดว่า หนัก อันนี้ต้องพิจารณา
แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในขณะที่เราเจริญกรรมฐาน สภาวะที่ปรากฏ นอกจากดูกายในกาย ดูเวทนาในเวทนา ดูจิตในจิต ดูธรรมในธรรมแล้ว ก็ ยังมีลักษณะของอาการของธาตุ ๔ ที่ปรากฏ อาการเคร่งตึง หนัก เบา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หรือที่เรียกว่าอาการความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง ที่ ปรากฏที่รูปของเรา อาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นลักษณะ ของธาตุ ๔ ที่ปรากฏขึ้นมา...
อย่างบางคนนั่งแล้วรู้สึกเหมือนรูปนี้เป็นแท่งหนัก ๆ เหมือนก้อนหิน ใหญ่ ๆ หนัก ๆ เป็นแท่ง หรือกดทับอยู่ ลักษณะของธาตุดินปรากฏ ไม่ว่า อาการของธาตุใดธาตุหนึ่งปรากฏก็ตาม เราก็ต้องมีสติกาหนดรู้ว่าอาการนั้น มีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับในลักษณะอย่างไร เมื่อเอาความรู้สึกหรือ สติเข้าไปกาหนดรู้ ความหนักนั้นเปลี่ยนอย่างไร... หนักมากขึ้น หรือหนัก น้อยลง หรือค่อย ๆ บางลง จางลง หายไป ?
ถ้ามีความร้อนปรากฏขึ้นมาที่ร่างกายของเรา ก็มีสติเข้าไปรู้ว่าความ ร้อนที่ปรากฏขึ้นมานั้นมีลักษณะอย่างไร เปลี่ยนแปลงอย่างไร บางคนจะ เป็นไอร้อนออกจากร่างกาย รู้สึกร้อนแล้วก็แผ่ออก แผ่ออก... ก็มีสติตาม กาหนดรู้ว่า ความร้อนนั้นเปลี่ยนไปอย่างไร ? แผ่ออกไปแล้วหายแบบไหน ? ดับอย่างไร ? สังเกตการเปลี่ยนแปลง... ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ที่ปรากฏขึ้นมา ให้เราได้รับรู้ ล้วนตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ เพราะฉะนั้น เราจะปฏิเสธไม่ ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หน้าที่ของเราคือ มีสติกาหนดรู้ว่าอาการเหล่านั้น มีการ เปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับในลักษณะอย่างไร
สิ่งสาคัญที่สุดในการกาหนดรู้อาการเกิดดับของรูปนาม คือต้อง กาหนดรู้อย่างไม่มีตัวตน ไม่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแต่สติกับปัญญาที่ พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลง การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของอารมณ์นั้น ๆ