Page 188 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 188
170
ยิ่งสติมีกาลังมาก อาการก็จะยิ่งชัด ก็จะเห็นชัดว่าเวทนาเกิดขึ้นมา เปลี่ยน แปลงเกิดดับอย่างไร
ต่อไปเพื่อให้ละเอียดยิ่งขึ้น ในการกาหนดรู้อาการเกิดดับของเวทนา เมื่อกี้ถามว่า เวทนากับจิตที่ทาหน้าที่รู้เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วน เมื่อ เห็นเป็นคนละส่วน ลองสังเกต เวลาเวทนาดับแต่ละครั้ง จิตที่เข้าไปรู้ดับ ด้วยหรือเปล่า ? หรือนิ่งเป็นผู้ดูเฉย ๆ ? หรือรู้แล้วก็ดับไป พอดับไป แล้ว จิตดวงใหม่เกิดขึ้นมา รู้สึกอย่างไร ? เวทนาเกิดขึ้นมาใหม่ ต่างจากเดิม อย่างไร ? นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณา คือการกาหนดรู้ความเปลี่ยนแปลง อาการ เกิดดับของรูปนาม ทุก ๆ ขณะ ทุก ๆ อารมณ์ นี่คือวิธีการกาหนด การ พิจารณา การยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา
การยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา คือ การมีเจตนาเข้าไปพิจารณาอาการ พระไตรลักษณ์ของรูปนาม การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของทุก ๆ อารมณ์ที่ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางใจก็ตาม เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้แล้วว่า ทุกอย่างตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนัตตา เพียง แต่เราตามรู้ตามที่พระองค์ทรงตรัสเท่านั้นเอง ว่าเป็นอย่างนั้นจริงไหม ไม่ใช่ แค่เชื่อตาม
เพราะการเห็นอย่างนี้ การพิจารณา การกาหนดรู้อย่างนี้ จะทาให้จิต เรามีการเปลี่ยนแปลง สภาพจิตเราก็จะเปลี่ยนไป เพราะเรารู้ตามความเป็น จริง ถ้าแค่เชื่อตาม ถ้ายังไม่เห็นจริง อย่างไรก็ละความเชื่อนั้นยาก เชื่ออย่าง เดียวไม่พอ ที่เขาบอกว่าต้องพิสูจน์! อย่าเชื่ออย่างเดียว อย่าเชื่อตาม ๆ กัน มา ให้พิจารณาแล้วกาหนดรู้ว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า อาการของ รูปนามนั้นเป็นอย่างนั้นจริงไหม ไม่เที่ยงจริงหรือเปล่า อย่างไรที่บอกว่า “ไม่มีตัวตน” ความไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ยังรู้ว่าเจ็บปวดไหม เห็นไหม เวทนา เกิดขึ้นยังรู้ได้เลย ไม่มีเราก็จริง เพราะอะไร ?