Page 253 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 253

235
พระพุทธเจ้าเกิดอีกตั้งสี่อสงไขยกับแสนกัปหลังจากรับพยากรณ์แล้ว นานจนรู้หมด เดี๋ยวเกิดเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เวียนไปเรื่อย ๆ ๆ แต่บางคนก็ยัง ไม่เชื่อว่ามีชาติต่อ ๆ ไป เหมือนคนเกิดมาแค่วันเดียว แล้วก็คิดว่าคงมีแค่ วันนี้แหละ เมื่อวานคงไม่มี พรุ่งนี้คงไม่มี ถ้าเขาอายุยืนกว่านี้หน่อยหนึ่ง เขาก็จะเห็นว่าพรุ่งนี้ยังมี เพียงแต่เขารู้ได้เฉพาะวันนี้ เรารู้ได้อย่างไรว่าเมื่อ วานมี ในเมื่อเราก็เห็นแค่วันนี้ ? สัญญาจาได้ว่าเมื่อวานเราเคยทาสิ่งนั้นมา เราก็ยังจาได้อยู่ แล้วพรุ่งนี้มีไหม ? พรุ่งนี้ไม่แน่นอน... อาจจะมีสาหรับคน อื่น สาหรับเราอาจไม่มีก็ได้! หรือบางคนอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ มีแค่วันนี้ก็ได้!
ทาไมถึงเป็นอย่างนั้น ? บางทีนอนหลับไปไม่ตื่น พรุ่งนี้ก็ไม่มีอีก แล้ว ใช่ไหม ? เมื่อวานมี แต่เมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว นี่คือความไม่เที่ยง การ เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น เวลาเราปฏิบัติกาหนดรู้อารมณ์ต่าง ๆ ดูกาย ดู เวทนา ดูจิต ดูธรรม ต้องรู้เป้าหมาย ไม่ว่าจะปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติอย่างไร ก็ตาม เรารู้ว่าเราทาไปเพื่ออะไร ทาแล้วเป็นอย่างไร เรากาหนดอาการนี้เพื่อ อะไร เพื่อให้รู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ว่าที่พระองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า ธรรม ทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตานั้น เป็นอย่างไร
ไม่มีใครให้ความกระจ่างได้เท่ากับตัวเราเองเข้าไปกาหนดรู้ตามความ เป็นจริง และเห็นแจ้งด้วยตัวเองว่าเป็นเช่นนั้นเอง เป็นอย่างนี้เอง ไม่เที่ยง จริง ๆ ตามที่พระองค์ทรงตรัสเอาไว้ เมื่อเห็นอย่างนั้น เราได้เจริญรอย ตามพระพุทธเจ้า และเราก็จะได้ละทุกข์เหมือนที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เมื่อเรารู้ เราก็สามารถดับทุกข์ได้ ความทุกข์ก็จะคลายลง น้อยลง หรือหมดไปในที่สุด เพราะฉะนั้น จึงขอฝากเอาไว้ว่า ถ้าเรารู้เป้าหมายในการปฏิบัติของเรา และ รู้เป้าหมายของการกาหนดอารมณ์ เราก็จะรู้ว่าการปฏิบัติของเรานั้นเป็นไป อย่างไร
บางทีครูบาอาจารย์สอนว่า เกาะติดอาการนะ ให้กาหนดอย่างนี้นะ


































































































   251   252   253   254   255