Page 274 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 274
256
ในที่ว่าง ๆ ทาไมถึงเป็นอย่างนี้ ? เพราะการจะยึดหรือไม่ยึด อุปาทานจะ เกิดหรือไม่เกิด เกิดที่จิตเรา จิตเป็นผู้ยึด ความเข้าใจเป็นผู้ยึด ความคิดเรา นี่แหละเป็นผู้ยึด ให้ความสาคัญว่าสิ่งนี้คืออะไร เมื่ออุปาทานการยึดในสิ่ง นั้นหมดไป ความรู้สึกจริง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ที่ ปรากฏขึ้นกับความรู้สึก หรือเกิดขึ้นกับจิตเรา ไม่ใช่ว่าเพราะเราคิดเอา
ลองพิสูจน์ได้เลยว่า คิดเอากับรู้สึกจริง ๆ นั้น ต่างกันอย่างไร นี่คือ ข้อพิสูจน์ เราต้องบอกตัวเองได้นะ เราคิดเอาหรือเปล่า ถ้าเราคิดเอา แล้ว โกหกตัวเอง อันนั้นไม่ดี! เราไม่โกหกตัวเอง เราต้องซื่อสัตย์กับตนเองใน การปฏิบัติธรรมว่าเรารู้สึกอย่างไร จิตเราเป็นอย่างไร ไม่ใช่คิดว่าคงเหมือน เขาแหละ แบบนี้แหละ ไม่ได้! ให้เรารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร ดีไม่ดีอย่างไร นี่ คือสัจจะ ความจริงใจกับตนเอง สาคัญมาก ๆ
ที่วันก่อนบอกว่า ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีมารยา การปฏิบัติธรรม จะเป็นไปได้ง่าย ก็คือเราไม่หลอกตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง จิตเราเป็นอย่าง นี้ก็คืออย่างนี้จริง ๆ ว่างก็ว่างจริง ๆ เบาก็เบา สงบก็คือสงบ ทุกข์ก็คือทุกข์ ขุ่นมัวก็คือขุ่นมัว แล้วเราจะแก้ได้ง่าย ถ้ามันขุ่นมัวขึ้นมา เราจะรู้ว่าต้องทา อยา่ งไรความขนุ่ มวั ถงึ จะหายไป เวลาผอ่ งใสขนึ้ มาดอี ยา่ งไร จติ ทสี่ งบดอี ยา่ งไร สังเกตตรงนั้น
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมที่ให้พิจารณาดูตามความเป็นจริงของ รูปนามที่กาลังปรากฏอยู่ปัจจุบัน เราจะเห็นจริง ๆ ว่าเราคิดเอาไหม ถ้าสงสัย ทาซ้า พิจารณาซ้า สงสัยเมื่อไหร่ให้กาหนดรู้ซ้า อย่าคิดว่า น่าจะ น่าจะ... ถ้า “น่าจะ” แสดงว่าเราไม่มั่นใจในสิ่งที่เราเห็น ถ้าไม่มั่นใจ ให้พิจารณาใหม่ จน เรามั่นใจว่าที่เห็น เขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้วเขาก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไป เขา ไม่เที่ยง ให้รู้ตามสภาวะที่เป็นจริง นี่คือสิ่งสาคัญ
เพราะฉะนั้น เวลาเราปฏิบัติธรรม เรามีเจตนาปฏิบัติเพื่อความ ดับทุกข์ เราก็จะรู้ชัดว่าเวลาเราปฏิบัติ สภาวะที่เกิดขึ้นกับเราเป็นอย่างไร