Page 324 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 324
306
อย่างสบาย ร่างกายจะมีเวทนา ไม่ว่าจะเป็นลมน้อยลง อาการเคร่งตึง ของร่างกายก็เกิดขึ้น หรือความร้อนที่ร่างกายมาก ๆ ความปวดก็เกิดขึ้น ธาตุไฟมีกาลังมากกว่า มันก็ย่อมทรมานเร่าร้อน ตัวร้อน เวลาเราเจ็บไข้ ได้ป่วย เหมือนเวลาร่างกายเราเสื่อมสลายส่วนใดส่วนหนึ่ง มันจะมีความ ร้อนเกิดขึ้น หรือไม่ก็เย็นจัด เป็นเวทนาที่เราอาจจะทนไม่ได้ แต่ถ้าเรา กาหนดอย่างนี้ได้ แยกออกมา เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้น จิตก็จะแยกโดยอัตโนมัติ เพราะปัญญาของคนเรา.. ปัญญาวิปัสสนาที่เกิดขึ้นแล้วเขาจะไม่ลืม เมื่อ เห็นถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างกายกับใจเมื่อไหร่ ก็จะไม่เผลอให้ยึด เป็นอันเดียวกันยังไงก็ไม่ยึด โยมลองบังคับให้เป็นอันเดียวกันได้ไหม ? บังคับแล้วรู้สึกเป็นไง ? หนักใช่ไหม ? ตรงนี้แหละ.. จึงบอกว่าปัญญาที่รู้ แล้วเนี่ย บังคับให้เป็นอันเดียวกันไม่ได้
แต่เมื่อก่อนทาไมแยกจากกันไม่ได้ ? เมื่อก่อนเราแยกกายกับใจไม่ ออก เมื่อไหร่ก็คือเราเป็นผู้รู้ เราเป็นผู้คิด เราเป็นคนทาทั้งหมดเลย ไม่เห็น กายกับใจเป็นคนละส่วนกัน เพราะตอนนั้นยังไม่เกิดปัญญา แต่ถ้ามีปัญญา เห็นจริงอย่างนี้ ใครบอก ใครบังคับ... “ไม่ใช่หรอก เป็นอันเดียวกัน กาย กับใจต้องเป็นอันเดียวกัน” พูดยังไงก็ไม่เชื่อใช่ไหม ? นี่แหละคือปัญญาที่ เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนไปได้ เพราะรู้เอง เห็นเอง ไม่ใช่ความเชื่อ แต่ถ้าเป็นแค่ความเชื่อ เชื่อตาม ๆ เขาเนี่ย เขาพูดเราก็คล้อยตามแล้ว เพราะฉะนั้นวิปัสสนาปัญญา รู้แล้วเนี่ย.. ปัญญาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถ กลับไปเป็นอันเดียวกันได้ เพราะฉะนั้น รูปนาม กายกับใจ ที่เราปฏิบัติที่เรา เห็นแล้ว ที่เราเห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นคนละส่วนกันอย่างชัดเจน ใครจะทาให้เป็นอันเดียวกันไม่ได้ ถ้าใครแน่จริงลองเลยนะ.. ท้าพิสูจน์ ลองทาให้เป็นอันเดียวกัน รู้สึกเป็นยังไง ? ถ้าไม่หนักนะ ให้เชื่อได้เลยบังคับ เมื่อไหร่เราก็อึดอัด เพราะธรรมชาติเขาไม่ได้เป็นอันเดียวกัน แต่อาศัยกัน ไม่ได้เป็นอันเดียวกันแต่อาศัยกัน