Page 363 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 363
345
ความสุข ไม่มีอะไรเลยที่เราไม่ชอบ แต่เราไปให้คนอื่นตัวเองแห้งแล้ง ไปเจอหน้า.. เราแห้งเมื่อไหร่ เขามีความสุข เรายังอิจฉาเลย ใช่ไหม ? นั่น แหละเพราะตัวเองไม่มีความสุข ไม่ได้เมตตาตัวเอง เมตตาคนอื่น แล้วเรา ก็ขาด นั่นแหละ ทาไมถึงเป็นอย่างนี้ ?
เพราะฉะนั้นเริ่มให้ตัวเองมาก ๆ ให้เมตตาให้ความสุขของเราล้น เมื่อไหร่ เมตตาคนอื่นไม่ยากหรอก เพราะคนที่มีความสุข เหมือนกับเรา มีทรัพย์เต็ม ทรัพย์หรือจิตเราเต็มสมบูรณ์แล้วเนี่ย พร้อมที่จะให้ได้ แต่ ถ้าเราขาด ยื่นยากนะ จะคิดมากแล้ว เราจะเหี่ยว เราจะหมดไม่หมด อยู่แล้ว ใช่ไหม ? มีความปรารถนาดีอยากให้เขาเป็นสุข แต่เราก็ยังทุกข์อยู่ ใช่ไหม ? อยากให้เขาเป็นสุข แต่เราก็ยังทุกข์อยู่ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นก็ ขอให้เรามีความสุข แต่ไม่ใช่ว่าขอให้เขาทุกข์ไปเรื่อย ๆ นะ ยังไงเอาตัวฉัน ก่อน ไม่ใช่ !
สุขแล้วก็เผื่อแผ่ เพราะเป็นความสุขทางใจ มันไม่ใช่แบบเป็นวัตถุ ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ เราเกิดง่ายและเราก็แผ่ได้ไกล ความสุขเนี่ยแผ่กว้าง ไกลไม่มีขอบเขต เหมือนเมื่อคืนที่ให้ทา เพราะฉะนั้นความสุขที่เกิดขึ้นก็ไม่ ต้องอาศัยอารมณ์ภายนอก เป็นนิรามิสสุข สุขที่ไม่ต้องอิงอามิส หรือเรียก อีกอย่างหนึ่งก็คือ “เนรมิตสุข” ที่เรากาหนดขึ้นมาได้ เราเนรมิตขึ้นเอง เพราะเรายกจิตขึ้นสู่ความสุขได้ เนรมิตสุข สุขที่ไม่ต้องอาศัยอะไรเลย อาศัยความเป็นกุศลของจิตเราอย่างเดียว คิดถึงก็สุขแล้ว คิดถึงก็มีความสุข นั่นเรียกว่าเนรมิตสุข
หมดแล้ววันนี้ พูดหมดแล้ว พูดมาสามวันแล้วสี่วันแล้วนะ ได้อะไร บ้างเนี่ยสามวันสี่วัน ? เข้าใจมากขึ้นไหม ? เข้าใจตรงไหน ? เข้าใจจุดไหน ? เข้าใจการสร้างความสุข เน้นวิธีปฏิบัตินะ ตรงนี้สาคัญมาก ๆ เลย ไม่อยาก ให้เราแค่.. คือถ้าสอนโยคีแล้ว รู้แต่ว่าสุข รู้แต่ว่าสบายใจ แล้วไม่รู้วิธีกาหนด ต่อเนี่ย เสียดาย เมื่อก่อนจะเข้มงวดเลย มาเล่ามาไม่มีเหตุผล เล่าสภาวะ